CHG ลั่นไตรมาส 3 ผลงานสวยรับไฮซีซั่น มั่นใจรายได้ทั้งปี 66 ทะยาน 8 พันล้านบาทตามเป้า
CHG เปิดแผนครึ่งปีหลังฟอร์มสวย! ไตรมาส 3/66 รับไฮซีซั่น แถมได้อานิสงส์ ปรับขึ้นอัตราเหมาจ่ายรายหัว “ประกันสังคม” พร้อมรับผลดีต่างชาติแห่เข้าใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ลุยบุ๊กศูนย์การแพทย์และ โรงพยาบาลจุฬารัตน์แม่สอด มั่นใจภาพรวมทั้งปีรายได้มาตามนัด ทะยาน 8,000 ล้านบาท
แพทย์หญิง ชุติมา ปิ่นเจริญ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาส3/2566 คาดว่าจะเห็นการเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน เนื่องจาก จะเป็นช่วง High season ของการใช้บริการโรงพยาบาล รวมทั้งได้รับผลบวกจากประกันสังคมที่มีการปรับค่าหัวเหมาจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 1,808 บาทจากเดิม 1,640 บาทต่อคนต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.66 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้บริษัทยังได้รับผลบวกจากการเปิดให้บริการศูนย์การแพทย์ Chularat Medical Center (ศูนย์มะเร็งครบวงจรแห่งแรกในจังหวัดสมุทรปราการ, ศูนย์เวชศาสตร์นิวเคลียร์, ศูนย์โรคหลอดเลือดสมอง, ศูนย์รักษาแผลเรื้อรัง, ศูนย์บำบัดด้วยออกซิเจนความดันสูง) ที่เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ต้นไตรมาส 3/2566
อีกทั้งบริษัทยังมีการเปิดให้บริการโรงพยาบาลจุฬารัตน์แม่สอด อินเตอร์ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เปิดให้บริการในเฟสแรกจำนวน 59 เตียง ให้บริการกับกลุ่มผู้ป่วยทั่วไป ซึ่งเป็นคนไทยในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงชาวต่างชาติ เป็นโรงพยาบาลที่มีศักยภาพในการรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดแบบครบวงจรแห่งแรกในพื้นที่แม่สอด มีความพร้อมในด้านเครื่องมือแพทย์ เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล บุคลากรสหสาขาวิชาชีพ รวมถึงศูนย์ตรวจสุขภาพแบบครบวงจร
ขณะเดียวกันยังได้รับแรงสนับสนุนจาก ศูนย์เซ็นจูรี่แคร์ (ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยพักฟื้นหลังการผ่าตัด) เข้ามาเต็มไตรมาส ที่จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการต่อยอดการเติบโตของบริษัท และช่วยเสริมรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง กลุ่มผู้ป่วยต่างชาติที่กลับเข้ามาใช้บริการมากยิ่งขึ้น โดยหลักๆ จะมาจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง รองลงมาจะเป็นกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งประเมินว่าทั้งปี 2566 จะมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 3%-4% ของรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล นอกจากนี้ ยังได้รับแรงสนับสนุนจากศูนย์หัวใจและหลอดเลือด ที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3, โรงพยาบาลสมุทรปราการ, โรงพยาบาลสิรินธร และโรงพยาบาลระยอง ซึ่งจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลงทำให้ผู้ป่วยกลับเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น ด้วยปัจจัยข้างต้นที่กล่าวมานั้น ประเมินว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 จะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยประเมินว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานทั้งปี 2566 จะมีรายได้รวมตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ 8,000 ล้านบาท และวางเป้าหมายจะมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ระดับ 14%
“ช่วงไตรมาส 3 ของทุกปีจะเป็นช่วงที่ดีที่สุดของธุรกิจโรงพยาบาล และคาดว่าไตรมาส 4 จะยังเป็นช่วงที่ผลการดำเนินงานอยู่ในเกณฑ์ดีอีกด้วย เนื่องจากมีการเปิด ศูนย์การแพทย์ และโรงพยาบาลจุฬารัตน์แม่สอด ที่จะช่วยสนับสนุนรายได้เพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงมั่นใจภาพรวมทั้งปี 2566 จะมีรายได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน” แพทย์หญิงชุติมา กล่าว