ส่งไม้ต่อให้ Jackson Hole / 1,545-1,560

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET อาจถึงจังหวะพักบ้าง : โดยเริ่มเห็น Sentiment ลบจากภายนอก หลังตลาดหุ้นสหรัฐกลับมาปิดในแดนลบ พร้อมกับค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และ Government Bond สหรัฐที่ปรับตัวขึ้นทั้ง 2 ปี และ 10 ปี Fedwatch tool ให้น้ำหนักในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% มากที่สุดในการประชุมวันที่ 1 พ.ย กว่า 40.2% สะท้อนความกังวลในทิศทางนโยบายการเงินของเฟดที่กลับมาอีกครั้ง Vix Index ปรับเพิ่มขึ้น 7.63% จากวันก่อนหน้า ด้านค่าเงินบาทพลิกกลับมาอิงทางอ่อนค่า จึงมองอาจมีการลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน และนักลงทุนคงมุ่งความสนใจไปที่ถ้อยแถลงของประธานเฟดในคืนนี้เป็นหลัก ขณะที่ปัจจัยการเมืองภายในจะเริ่มมีน้ำหนักน้อยลง หลังพัฒนาการของประเด็นดังกล่าวเริ่มมีจำกัด คาดว่านักลงทุนจับตาดูต่อในประเด็น ครม. ชุดเศรษฐา 1 ซึ่งคาดจะเริ่มเห็นความชัดเจนในสัปดาห์หน้า จึงมองในวันนี้อาจส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยค่อนข้างจำกัด โดยรวมมองวันนี้หุ้นในกลุ่ม Defensive ที่มี Beta ต่ำ และหุ้นปันผล จะยืนได้แข็งแกร่งกว่าตลาด ทางฝ่ายมองหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล ที่มีแรงหนุนจากการเข้าสู่ช่วง High Season หุ้นโรงไฟฟ้า ที่ได้รับผลบวกจากการชะลอตัวลงของราคาก๊าซธรรมชาติ และกลุ่มการเงินที่ได้รับผลบวกจากนโยบายของรัฐยังน่าสนใจ มองเป็นแหล่งพักเงินที่ดีในช่วงตลาดผันผวน
  • กลยุทธ์การลงทุน : 1) Low beta & Defensive : BCH BH BEM AOT TASCO AP BGRIM 2) Dividend: SIRI ORI KKP TISCO BCP 3) การเมืองไทยเดินหน้า: GULF, WHA, AMATA, BA, TIDLOR, SAWAD 4) ท่องเที่ยว+Spending : CENTEL MINT BJC

ปัจจัยบวก

  • ส.อ.ท. เผยยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือน ก.ค.66 อยู่ที่ 108,052 คัน เพิ่มขึ้น 30.05% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 90,032 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 21.32% หลังปัญหาขาดแคลนชิปคลี่คลาย
  • พาณิชย์เผยจะดำเนินการโครงการกระตุ้นการส่งออกในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้อีกประมาณ 44 โครงการ เพื่อผลักดันให้การส่งออกปีนี้ขยายตัวได้ 1-2% ตามเป้าทำงานที่ได้ตั้งไว้

ปัจจัยลบ

  • การส่งออกน้ำมันดีเซลของอินเดียไปยังสิงคโปร์จะทำสถิติสูงสุดในรอบ 19 เดือนโดยทะลุ 330,000 เมตริกตันในเดือนส.ค. เนื่องจากสิงคโปร์มีค่าขนส่งที่ถูกกว่า และมีปริมาณสต็อกอยู่ในระดับต่ำ กดดันราคาหุ้นพลังงานต้นน้ำ
  • ADB เผยวิกฤตค่าครองชีพที่สูงขึ้น อันเนื่องมาจากภาวะเงินเฟ้อในปีที่ผ่านมา และผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด- 19 ยังคงผลักดันให้ประชาชนในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกเข้าสู่ภาวะยากจนขั้นรุนแรง
  • เลขาธิการ สศช. ชี้การส่งออกที่ติดลบต่อเนื่อง ส่งผลกระทบถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ในไตรมาส 2 หดตัวไป -3.3% ขณะที่การอุปโภคบริโภคของภาครัฐหดตัว -4.3%
PICKS OF THE DAY

BCH BUY

  • เป้าหมาย 20.00/20.50 แนวรับ 18.30/18.50
  • ผู้ป่วยต่างประเทศฟื้นตัวแข็งแกร่ง: จำนวนผู้ป่วยต่างประเทศฟื้นตัวเร็วกว่าคาดโดยมีจำนวนผู้ป่วยต่างชาติใน1H66 แล้วกว่า 62,023 คน โต75% y-y คาดรายได้จากต่างประเทศยังคงโตต่อเนื่องใน3Q66 จากการฟื้นตัวของกลุ่มผู้ป่วยกลุ่มตะวันออกกลางที่พ้นจากช่วงรอมฎอน
  • รายได้จากประกันสังคมโต 15.8% y-y: รายได้ประกันสังคมโตจากจำนวนผู้เข้าประกันสังคมที่1.01ล้านคน เพิ่มขึ้น 3.7% y-y และการปรับขึ้นค่าเหมาจ่ายรายหัวเป็น 1,808 บาทต่อคนต่อปี และแนวโน้มผู้ป่วยในประเทศจะสูงขึ้นจากการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือด หนุนรายได้จากผู้ป่วยภายในประเทศโตต่อใน 3Q66

BGRIM BUY

  • เป้าหมาย 39.00/40.00 แนวรับ 35.50/36.00
  • แนวโน้มราคาก๊าซเป็นขาลง : ทางฝ่ายคาดการณ์กำไรครึ่งปีหลังจะได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มการลดลงของราคาก๊าซ โดยคาดการณ์ราคาก๊าซลดลงเป็น 350-360 บาท/MMBTU (-20% h-h) ซึ่งมากกว่าสัดส่วนค่า Ft ที่ลดลง 0.75 บาท/หน่วย
  • กำลังการผลิตเพิ่มครึ่งหลัง : ครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 30 MW. ช่วยเพิ่มปริมาณขายในช่วงครึ่งปีหลัง นอกจากนี้ ต้นเดือนส.ค. มีการ COD โรงไฟฟ้า solar farm ขนาด 23.5 MW. ในเกาหลีใต้ รับรู้รายได้ทันทีใน 3Q66 ทางฝ่ายมองเป็น upside สำหรับผลประกอบการในครึ่งปีหลัง
- Advertisement -