PREB เปิดแผน H2 ลุยประมูลงานก่อสร้าง 8,000 ลบ. พร้อมเปิดตัวบ้านเดี่ยว 2 โครงการ มูลค่า 1,300 ลบ.
บมจ.พรีบิลท์ (PREB) มุ่งมั่นรักษาการเติบโตอย่างมั่นคงต่อเนื่อง เน้นควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เดินหน้าเข้าร่วมประมูลโครงการก่อสร้างใหม่ ดัน Backlog แตะ 6,500 ล้านบาท รับรู้รายได้ยาวถึงปี 68 ด้านซีอีโอ “วิโรจน์ เจริญตรา” มองโค้งสุดท้ายปี 66 ธุรกิจยังไปต่อ จากงานโครงการก่อสร้างที่ทยอยส่งมอบ พร้อมกับการรับรู้รายได้โครงการอสังหาฯ เล็งเปิดตัวบ้านเดี่ยว 2โครงการใหม่ ย่านศาลายา-ทวีวัฒนา มูลค่าโครงการรวม 1,300 ล้านบาท มั่นใจกระแสตอบรับดี ผลักดันยอดขายปี 66 โตต่อเนื่อง
นายวิโรจน์ เจริญตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีบิลท์ จํากัด (มหาชน) (PREB) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในปี 2566 ยังมีทิศทางที่ดี เนื่องจากบริษัทฯ มีแผนเข้าร่วมประมูลงานก่อสร้างใหม่ มูลค่า 8,000 ล้านบาท และคาดว่ามีโอกาสได้งานอีกหลายโครงการ โดยปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) จากงานก่อสร้างมูลค่า 6,500 ล้านบาท ซึ่งสามารถรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลังประมาณ 2,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะรับรู้รายได้จนถึงปี 68
ทั้งนี้ ในปี 2565 บริษัทฯได้เปิดตัวโครงการพิมนารา ศรีนครินทร์-บางนา, โครงการพิมนารา ธรรมศาสตร์ รังสิต, โครงการพรีวิลเลจ ธรรมศาสตร์ รังสิต ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างต่อเนื่อง สำหรับปลายปีนี้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าเปิดตัว 2 โครงการใหม่ คือ โครงการพิมนารา ศาลายา และโครงการพรรณนา ทวีวัฒนา คาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งคาดว่าจะได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เข้ามาเยี่ยมชมโครงการ
สำหรับโครงการพิมนารา ศาลายา เป็นโครงการบ้านเดี่ยวที่มีเพียงแค่ 77ยูนิตราคา 5.5 – 7 ล้านบาท ตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยมหิดล มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย การเดินทางใกล้กับจุดเชื่อมต่อสามารถเข้าออกได้ทั้งถนนบรมราชชนนี และถนนกาญจนาภิเษก พร้อมเชื่อมต่อกับทางด่วนศรีรัช
ส่วนโครงการพรรณนา ทวีวัฒนา เป็นโครงการบ้านเดี่ยวขนาด 100 ตารางวา ขึ้นไป พร้อมสระว่ายน้ำในตัว มีจำนวนยูนิตเพียง 55 ยูนิต บ้านทุกหลังอยู่ติดถนนเมนโครงการทั้งหลัง ราคา 15-20 ล้านบาท ที่ตั้งโครงการอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ ธนบุรี ใกล้จุดเชื่อมต่อถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4เข้าออกได้ทั้งถนนบรมราชชนนี, ถนนเพชรเกษม และถนนกาญจนาภิเษก
“บริษัทฯ ยังคงรักษาการเติบโตอย่างมั่นคงต่อเนื่อง มุ่งเน้นที่จะบริหารต้นทุน ด้วยการลดระยะเวลาก่อสร้างและสามารถควบคุมคุณภาพได้ดีมากขึ้น อีกทั้งปัจจุบันความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์เริ่มมีทิศทางที่ดี และฟื้นตัวมากขึ้น นอกจากนี้ ยังคงเดินหน้าหาที่ดินทำเลทองสำหรับจัดตั้งโครงการใหม่ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบายทั้งด้านการเดินทางและการใช้ชีวิตในประจำวัน ขณะเดียวกันยังหาโอกาสเข้าร่วมประมูลงานก่อสร้างในทุกเซกเมนต์ ซึ่งจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจก่อสร้างของบริษัทฯ ทำให้คาดว่ามีโอกาสเข้ารับงานได้อีกมาก ซึ่งจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตแข็งแกร่ง” นายวิโรจน์ กล่าวในที่สุด