KS Daily View 25.08.2023 >>> ดัชนีวิ่งดีกว่าคาดวานนี้จาก DELTA ช่วยหนุน แต่คาดดัชนีวันนี้แกว่งพักตัวบ้างหลังวิ่งขึ้นแรงตอบสนองการเมืองคลี่คลาย  ประเมินกรอบซื้อขาย 1,545 – 1,560 จุด  หุ้นแนะนำ ERW CRC

สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้

ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA -1.08%, S&P 500 -1.36%, NASDAQ -1.87%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 เช่น Financials (-0.24%), Real estate (-0.41%), Materials (-0.43%) ขณะที่ Information technology (-2.15%), Communication services (-2.04%), Consumer discretionary (-2.01%)

ในประเทศ: SET Index +8.40 pts. หรือ +0.54% ปิดที่ 1,557.41 จุด ตัวขับเคลื่อนหลักสำคัญคือ DELTA (+7.28%), EA (+4.51%), SCGP (+6.12%), CPN (+1.83%) ขณะที่ KTB (-4.50%), BDMS (-2.65%), CPAXT (-2.07%), TTB (-4.44%)

ในประเทศ: แม้วานนี้ดัชนีตลาดจะปรับตัวขึ้นต่อได้ดีกว่าที่เราประเมิน แต่หลักๆแล้วมาจากผลของการปรับเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น DELTA เป็นหลัก ที่มีผลต่อดัชนี 7.6 จุด หากไม่รวมผลของ DELTA ดัชนีตลาดวานนี้จะทรงตัว เรายังคงมุมมองที่ประเมินว่าแนวโน้มหลักของตลาดยังเป็นการค่อยๆปรับตัวเพิ่มขึ้นตามพัฒนาการเชิงบวกทางการเมืองไทยหลังได้นายกใหม่และเตรียมจัดตั้งรัฐบาลเสร็จภายในสิ้นเดือน อย่างไรก็ดี แรงส่งระยะสั้นดูเริ่มหมด มองดัชนีอาจมีการพักตัวบ้างหลังปรับขึ้นแรงมา 4 วัน รวมราวเกือบ 40 จุด มองกรอบซื้อขายวันนี้ที่ 1,545/1,560 จุด

แนวโน้มหลักของตลาดเรามองยังเป็นการค่อยๆปรับตัวเพิ่มขึ้นตามพัฒนาการเชิงบวกทางการเมืองไทยหลังได้นายกใหม่และเตรียมจัดตั้งรัฐบาลเสร็จภายในสิ้นเดือน อย่างไรก็ดี มองดัชนีอาจมีการพักตัวบ้างหลังปรับขึ้นแรงมา 3 วัน รวมราว 30 จุด มองกรอบซื้อขายวันนี้ที่ 1,535/1,555-60 จุด ประเมินหุ้นกลุ่ม ค้าปลีก, อาหาร, การเงิน, รับเหมาก่อสร้าง และ ยานยนต์ เป็นกลุ่มนำ

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงทั่งกลุ่ม 1-4% โดย KTB TTB ลงเยอะสุด เรามองไม่ได้มีปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนแปลง รวมถึงประมาณการกำไร กลุ่มธนาคารเป็นอีกกลุ่มที่เรามองได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ปัจจัยลบเฉพาะตัวอาจเป็น sentiment ที่ นลท อาจจะกังวล KTB จากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และความไม่แน่นอนของการใช้แอปพลิเคชันเป๋าตัง ซึ่งเรามองไม่มีผลกระทบในเชิงปัจจัยพื้นฐาน ราคาที่ลงมาน่าจะเป็นโอกาสเก็บหุ้นเพิ่มเติม Dividend yield เพิ่มเป็น 5.9% upside 28% ต่อราคาเป้าหมายเรา ขณะที่ BBL เป็นอีก 1 top pick ที่ลงมาแต่ไม่น่ามีความกังวลจากปัจจัยพื้นฐาน
  2. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) รายงานจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนก.ค. 2566 มีทั้งสิ้น 149,709 คัน เพิ่มขึ้น 4.72% YoY ขณะที่ยอดขายรถยนต์เดือนก.ค.2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 166,471 คัน เพิ่มขึ้น 13.2% YoY แบ่งเป็นยอดขายรถยนต์ภายในประเทศ 58,419 คัน ลดลง 8.77% YoY และเป็นยอดตัวเลขการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปได้ 108,052 คัน เพิ่มขึ้น 30.05% YoY สะท้อนอุปสงค์ภายในประเทศยังอ่อนแอเป็นผลมาจากดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง
  3. สหรัฐฯรายงานตัวเลขยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable goods orders) เดือนก.ค. ปรับตัวลดลง 5.2% MoM ลดลงมากว่าที่ตลาดคาดว่าจะปรับตัวลง 4.1% MoM และแย่กว่าเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวได้แรง 4.6% MoM
  4. จีน ฮ่องกงห้ามนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่นทันที หลังโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ เริ่มปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่ผ่านการบำบัด ลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก มองเป็น sentiment บวกกับกลุ่มผู้ส่งออกอาหารทะเลของไทย (TU, ASIAN, CFRESH) จากโอกาสในการส่งออกไปจีนเพิ่มขึ้น โดยใน 1H23  ไทยมีการส่งออกอาหารทะเลไปจีน 11,238 ลบ.​ เพิ่มขึ้น 50% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 7,493 ลบ. หรือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 10% ของการส่งออกอาหารทะเลทั้งหมด โดยสินค้าส่งออกหลัก​เป็นผลิตภัณฑ์กุ้งคิดเป็น 50% ของสินค้าทะเลส่งออกไปจีน
  5. ทางการจีนกล่าวในงานประชุมกับผู้บริหารระดับสูงโดยเรียกร้องกลุ่มทุนธนาคารภาคเอกชนให้มีการเพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้นจีนเพื่อเพิ่มเสถียรภาพให้กับตลาดและขอให้ธนาคารรัฐให้ความร่วมมือในการช่วยแทรกแซงหรือช่วยในการพยุงค่าเงินหยวนหลังค่าเงินหยวนมีการปรับตัวอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องตามแระแสเงินทุนไหลออก โดยสำนักข่าวต่างประเทศรายงานมีเงินไหลออกมากราว 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯเพียงแค่ในช่วง 13 วันล่าสุด ซึ่งเป็นกระแสเงินทุนไหลออกแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2016
  6. ธนาคารกลางตุรกีปรับเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 17.5% เป็น 25% วานนี้สูงกว่าที่ตลาดคาดที่จะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 20% หลังทางการตุรกีประสบปัญหาการอ่อนค่าของเงินสกุลลีราตุรกีและภาวะเงินเฟ้อสูง

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

สัปดาห์นี้แนะนำกลยุทธ์ Selective Buy ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ หรือมีแนวโน้มผลประกอบการ 2H23 ฟื้นตัวขึ้น ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,515 – 1,550 จุด แม้ปัจจัยภายนอกเรื่องอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่พุ่งสูงขึ้น และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนยังเป็นปัจจัยกดดัน แต่คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะ outperform ตลาดหุ้นโลกบนความคาดหวังการจัดตั้งรัฐบาลนำโดยพรรคเพื่อไทย พร้อมนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

หุ้นแนะนำวันนี้

  • Top pick: ERW (ราคาพื้นฐาน 6.1 บาท) เรามองแนวโน้มผลประกอบการบริษัทสดใส กำไรเติบโตสูงตามการฟื้นตัวของทั้งอัตราการเข้าพัก (OCR) ที่เพิ่มขึ้น กอปรกับอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อคืน (ADR) และอัตรารายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPar) ก็จะเติบโตสูง เล่นบนกระแสการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนในครึ่งปีหลัง ค่าไฟลดตามมาตรการรัฐและเก็งกำไรบนความคาดหวังมาตรการวีซ่าพิเศษกระตุ้นท่องเที่ยว
  • Top pick: CRC (ราคาพื้นฐาน 52.5 บาท) คาดบริษัทได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เวียดนามโดยเฉพาะการปรับลด VAT ที่ลดลงจาก 10% เหลือ 8% เป็นการชั่วคราวถึงสิ้นปีเชื่อกระตุ้นให้เกิดการเร่งใช้จ่ายในช่วงมาตรการ อีกทั้งมองบริษัทได้อานิสงค์จากภาคการท่องเที่ยวไทยที่ฟื้นตัวและมาตรการรัฐทั้งค่าไฟลดและการเร่งตัวของการบริโภคของภาคเอกชน

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันศุกร์ติดตามตัวเลขส่งออกไทยเดือน ก.ค. คาดปรับตัวลดลง 3.1% YoY แต่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ลดลง 6.4% YoY ขณะที่ด้านต่างประเทศติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจในเยอรมัน German Ifo Business Climate ตลาดคาดที่ 86.8 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 87.3 จุด
- Advertisement -