บล.บัวหลวง:
Bank – สินเชื่อรวมลดลง 0.8% MoM ในเดือน ก.ค. (OVERWEIGHT)
สินเชื่อของหุ้นกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำ ปรับตัวลดลง 0.8% MoM ณ สิ้นเดือน ก.ค. 2566 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการชำระคืน ของกลุ่มลูกค้าธุรกิจองค์กร แต่เราคาดว่าสินเชื่อจะขยายตัว MoM ในเดือน ส.ค. มูลค่าหุ้นอยู่ในระดับราคาไม่แพง โดยเราชอบ BBL และ SCB มากที่สุดในกลุ่ม
สินเชื่อสุทธิรวมลดลง MoM ณ สิ้นเดือน ก.ค. 2566
ธนาคารทั้ง 7 บริษัทที่เราให้คําแนะนํา รายงานสินเชื่อสุทธิรวมที่ 10.8 ล้านล้านบาท ณ สิ้นเดือน ก.ค. ลดลง 0.8% MoM และ 1.2% YoY การชำระคืนระหว่างลูกค้าองค์รกรมีน้ำหนักมากกว่าสินเชื่อลูกค้ารายย่อยที่เพิ่มขึ้นใน เดือนนี้ สินเชื่อสุทธิที่ลดลงเนื่องจาก BBL (ลดลง 2.1% MoM-การชำระคืนเงินกู้ลูกค้าองค์กรและต่างประเทศ), KTB (ลดลง 1.0% MoM เนื่องจากการชำระคืนของลูกค้าองค์กรและหน่วยงานของรัฐ), KKP (ลดลง 0.9% MoM, การชำระคืนลูกค้าองค์กรและสินเชื่อ SME), TTB (ลดลง 0.7% MoM, การชำระคืนจากลูกค้าองค์กร) และ KBANK (ลดลง 0.4% MoM, การชำระคืนจากลูกค้าองค์กรและธุรกิจ SME) ในขณะที่ SCB และ TISCO รายงานสินเชื่อทรงตัว MoM ณ สิ้นเดือน ก.ค. 2566 เราคาดว่าหุ้นกลุ่ม ธนาคารที่เราให้คําแนะนําจะรายงานสินเชื่อเติบโตในไตรมาส 4/66 ซึ่งอุปสงค์เงินทุนหมุนเวียน (บริษัท) และสินเชื่อผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล
เมื่อมองไปยังเงินฝากรวม หุ้นกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำอยู่ที่ 12.3 ล้านล้านบาท ณ สิ้นเดือน ก.ค. ลดลง 0.4% MoM และ 1.3% YoY เนื่องจากบัญชีกระแสรายวันและออมทรัพย์ (CASA) การปรับตัวลดลงของเงินฝาก นําโดย TTB, SCB และ BBL ในทางตรงกันข้ามเงินฝากของ KKP, KBANK และ TISCO เพิ่มขึ้น MoM; เงินฝากของ KTB ทรงตัว MoM
กําไรรวมไตรมาส 3/66 จะเพิ่มขึ้น 11% YoY แต่ลดลง 5% QoQ
เราคาดกําไรรวมหุ้นกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำในไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 4.97 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% YoY (แต่ลดลง 5% QoQ เนื่องจากกำไรจากราคาตลาดของเครื่องมือทางการเงินที่ลดลง QoQ) คาดการณ์กำไรที่เพิ่มขึ้น YoY เป็นผลมาจาก NIM เฉลี่ยของหุ้นกลุ่มธนาคารที่เราให้คําแนะนําในไตรมาส 3/66 ที่เพิ่มขึ้น 42bps YoY และ 5bps QoQ (รูปที่ 5) เนื่องจากอัตรา Repo ของ BOT เพิ่มขึ้น 25bps ในเดือน พ.ค. 2566 และเพิ่มขึ้นอีก 25bps ในเดือน ส.ค. 2566 ซึ่งจะช่วยกระตุ้น NIM ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนของผู้ถือหุ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำเพิ่มขึ้น 1.41 หมื่นล้านบาท MoM มาอยู่ที่ 2.12 ล้านล้านบาท ณ สิ้นเดือน ก.ค. การเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นตัวบ่งชี้เบื้องต้นของกำไรสุทธิรวมในเดือน ก.ค. อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าจะมีการปรับเปลี่ยนในการตั้งสำรองฯ และ กำไร/ขาดทุน จากราคาตลาดบางส่วนเพิ่มเติมในงบการเงินไตรมาส 3/66
BBL, TTB, KBANK และ SCB จะเป็นผู้นำการเติบโตของกำไรในปี 2566
เราคาดกำไรรวมปี 2566 ที่ 1.909 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% YoY หนุนโดยสินเชื่อ และ NIM ที่ขยายตัว BBL, TTB, KBANK และ SCB จะเป็นผู้นำการเติบโตของกำไร แม้เราจะมองเห็นดาวน์ไซด์ต่อประมาณการการเติบโตของสินเชื่อรวมของเรา (สำหรับ KBANK, KTB, BBL, KTB, TTB, KKP และ SCB แต่ TISCO จะบรรลุประมาณการการเติบโตของสินเชื่อของเรา) ผลกระทบดังกล่าวจะถูกชดเชยด้วย NIM ที่เพิ่มขึ้น มากกว่าคาดในปัจจุบัน กำไรสุทธิหุ้นกลุ่มธนาคารฯ ที่เราให้คำแนะนำในครึ่งแรกของปี 2566 คิดเป็น 54% ของประมาณการทั้งปีของเรา เรามั่นใจว่าประมาณการกำไรปี 2556 ของเรามีดาวน์ไซด์ที่จำกัด