ดอกเบี้ยตราตรึง ที่ระดับสูง / 1,555-1,575
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- SET ให้น้ำหนักทางแกว่งบวกแคบ: ทางฝ่ายมองถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ Jackson Hole ที่ส่งสัญญาณว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากมีความจำเป็น และจะยังคงใช้อัตราดอกเบี้ยระดับสูง ด้วยนโยบายการเงินที่ยังเข้มงวด เพื่อเป้าหมายเงินเฟ้อลดสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% เป็นไปตามที่ทางฝ่ายคาดการณ์ไว้ สอดคล้องกับ CME Fedwatch tool ที่ยังให้น้ำหนักเฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยระดับ 5.25-5.50% ในรอบประชุม 20 ก.ย. นี้ ทำให้แรงกดดันประเด็นดังกล่าวต่อดัชนี SET ภาคเช้านี้อาจไม่มาก เช่นเดียวกับภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ลบสลับบวก ขณะที่การเมืองไทยมีความคืบหน้าแบบค่อยเป็นค่อยไป ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอนายกฯ ถวายสัตย์ฯ-แถลงนโยบาย และตั้งคณะรัฐมนตรี แม้จะมีความล่าช้าอยู่บ้าง แต่กระบวนการต่างๆ จะส่งให้ดัชนีค่อยๆ ซึมซับตอบรับปัจจัยบวกจากความชัดเจนทางการเมืองไปทีละน้อย ดังนั้นจึงมองไม่ได้ผลักให้ดัชนีตอบรับเชิงบวกรุนแรงเหมือนช่วงที่โหวตนายกฯ ทางฝ่ายมองคำแนะนำการลงทุนช่วงนี้ควรเลือกหุ้น Selective อิงปัจจัยบวกหนุนทั้งภาพมหภาค การเมืองและต้องเสริมด้วยปัจจัยเฉพาะตัว เช่นกลุ่มพลังงาน ซึ่งได้แรงหนุนจากราคาน้ำมัน WTI ที่ฟื้นตัวทดสอบ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากเป็นหุ้น Big Cap. ซึ่งหากต่างชาติกลับเข้าซื้อหุ้นไทยหลังการเมืองชัดเจน มองจะได้ประโยชน์ กลุ่มนิคมฯ-รับเหมาฯ มองได้ประโยชน์จากความเชื่อมั่นนโยบายภาครัฐฯ, กลุ่มธนาคารซึ่งจะได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และคาดหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนโยบายรัฐบาลใหม่
- กลยุทธ์การลงทุน : 1) หุ้นปันผล: KKP, ORI, SIRI, TISCO 2) ตอบรับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น: KBANK, SCB 3) Selective: AMATA, BE8, DDD, WHA, WHAUP 4) กลุ่มยานยนต์และยานยนต์ไฟฟ้า: AH, EA, NEX, SAT 5) กลุ่มพลังงาน: PTTEP, TOP
ปัจจัยบวก
- สมาคมสายการบินแห่งประเทศไทย เสนอรัฐบาลลดภาษีสรรพสามิต น้ำมันเครื่องบินจากเดิม 4.72 บาทต่อลิตร เพื่อลดต้นทุนให้แก่อุตสาหกรรมการบิน
- นายกฯ เศรษฐา เตรียมยกเว้นวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวจีนเพื่อให้ทันวันหยุดยาวช่วงวันชาติจีนในเดือน ต.ค.นี้
- ธนาคารกลางจีน (PBOC) ผ่อนคลายนโยบายจำนองบ้านเพิ่มเติม และเสนอให้รัฐบาลท้องถิ่นผ่อนคลายเกณฑ์จำนองหนี้เพิ่มเติมแก่ผู้ซื้อบ้านในเมืองใหญ่ครั้งแรก
- หุ้นเข้าคํานวนดัชนี MSCI ที่จะเริ่ม 1 ก.ย. ได้แก่ COM7, ITC, PSG, TTB
ปัจจัยลบ
- วารสารการแพทย์ JAMA Network Open ประเมินความเสียหายของจีนหลังยกเลิกนโยบาย Zero-Covid ทำให้อัตราการเสียชีวิตพุ่งเกือบ 1.9 ล้านคน ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน
- IFO เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมนีลดต่ำจาก ก.ค. 874 จุดสู่ ส.ค. 85.7 จุด และต่ำกว่าคาด 86.7 จุด โดยเป็นการลดลง 4 เดือน ติดต่อกัน
- NBS จีนเผยกำไรภาคอุตสาหกรรมจีนเดือน ม.ค. – ก.ค. อยู่ที่ -15.5%YTD ทำให้แรงคาดหวังจากทางการจีนว่าจะออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ มีมากขึ้น
PICKS OF THE DAY
AMATA BUY
- เป้าหมาย 24.80/25.75 แนวรับ 23.50/23.80
- งบ 2Q66 กลุ่มสาธารณูปโภคเด่น: โดยส่วนนี้ทำรายได้ 852 ลบ. (+34%y-y) ทางฝ่ายมอง High Season ช่วง 2H66 จะหนุนให้ความต้องการสาธารณูปโภคในนิคมจะยังเพิ่มขึ้น ตามความต้องการซื้อสินค้าในนิคม โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ หลัง สอท.เผยยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป ก.ค. +30.05%y-y หลังปัญหาขาดแคลนชิปคลี่คลาย
- ราคายัง Laggard: ด้วยพื้นฐานแข็งแกร่ง แม้ราคาจะปรับตัวขึ้นบ้างแล้ว แต่ราคายัง Laggard เมื่อเทียบกับ WHA ที่ +5.8%MTD ขณะที่ AMATA ปรับตัวเพียง +2%MTD จึงมองโอกาสที่นักลงทุนจะ Rotation ในกลุ่มอุตสาหกรรมนิคมฯ มาสู่ AMATA
TISCO BUY
- เป้าหมาย 104.00/106.00 แนวรับ 100.00
- สินเชื่อโตเด่นที่สุดในปี 66: ถึงแม้ว่าเดือน ก.ค. TISCO จะมีสินเชื่อหดตัวลง 0.02% m-m แต่ก็เป็นการหดตัวน้อยที่สุดในกลุ่ม และยังทำให้ TISCO ยังเป็นธนาคารที่มีสินเชื่อเติบโตสูงที่สุดในกลุ่ม โดยเติบโต 5.9% ytd สูงกว่ากลุ่มมาก จากกลุ่มที่มีสินเชื่อหดตัว 0.7% ytd
- เปลี่ยนนโยบายการจ่ายปันผล: เปลี่ยนนโยบายการจ่ายปันผลมาเป็นจ่ายปีละ 2 ครั้ง และประกาศจ่ายระหว่างกาล 2 บาท โดยจะมีการขึ้น XD ในวันที่ 6 ก.ย. และจ่ายในวันที่ 22 ก.ย. 66 ซึ่งคิดเป็น Div. yield 2%