บล.ฟิลลิป:

ศุภาลัย – SPALI 1H66 อ่อนตัว/ เร่งเปิดโครงการครึ่งปีหลัง

Key Point

1H66 ทำ Presale 17,285 ลบ. -5.1%y-y ในช่วงครึ่งปีแรกค่อนข้างมีอุปสรรค จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นและการยกเลิกผ่อนคลาย LTV แต่เริ่มเห็นความมั่นใจของลูกค้ามากขึ้นใน 2Q66 คาดกำไรปี 66 อ่อนตัวกว่าปีก่อนจาก GPM ลดลง y-y จากสัดส่วนแนวราบที่สูงขึ้น และมีรายได้ที่ออสเตรเลียเข้ามา แต่ราคาหุ้นปัจจุบันยังต่ำกว่าราคาพื้นฐาน คงคำแนะนำ “ซื้อ”

ภาคอสังหาฯ ยังมีอุปสรรค

แม้ปีนี้จะเป็นปีที่พึ่งผ่านพ้นจากสถานการณ์โควิด แต่ภาคอสังหาฯ ยังมีอุปสรรคจาก 1) การยกเลิกการผ่อนคลาย LTV ซึ่งกระทบกับลูกค้าที่ซื้อบ้านหลังที่ 2 และ 3 แต่ระดับ rejected rate ของ SPALI ประมาณ 12% เพิ่มขึ้นไม่ได้มากจาก 1Q66 ที่ 11% 2) ในช่วงที่มีปัญหาทางการเมืองก็ส่งผลกระทบต่อยอด walk-in ลูกค้าเช่นกัน แต่ในช่วงที่ไม่ได้มีผลกระทบยอด walk-in ของ SPALI ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน แต่อัตราการซื้อต่อคนดีขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีการเตรียมตัวจากสื่อต่างๆ ก่อนเข้าชมโครงการ ปกติลูกค้า SPALI ส่วนใหญ่เป็น 2nd Home 3) อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น – เนื่องจาก SPALI ซึ่งเป็นอสังหาฯ รายใหญ่ ดอกเบี้ยเงินกู้ที่โครงการได้รับจากธนาคารไม่ได้เป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นมาก หากเทียบกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เพิ่มขึ้นมา 1.75% ในปีนี้ แสดงถึงธนาคารยังมีความความต้องการปล่อยสินเชื่อให้กับภาคอสังหาฯ อยู่ 4) ราคาบ้านปีนี้ที่ปรับตัวขึ้นจากราคาวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นมา ในช่วงปีก่อน แต่เป็นปีที่ต้นทุนวัสดุก่อสร้างค่อนข้างทรงตัว การจัดการแรงงานทำได้ดีขึ้น ทำให้ SPALI จัดการต้นทุนได้ดีขึ้น

1H66 อ่อนตัว y-y

2Q66 เห็นลูกค้ามีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นในส่วนของคอนโด เห็นสัดส่วน Presale ในโครงการระหว่างก่อสร้างเพิ่มมากขึ้น, 1H66 ทำ Presale 17,285 ลบ. -5.1%y-y คิดเป็น 48% ของเป้าทั้งปี รายได้ 13,899 ลบ. +2.0%y-y หากรวม Backlog 19,804 ลบ. เกือบ 60% โอนได้ภายในปีนี้ หากรวมกับยอดโอนใน 1H66 แล้ว คิดเป็น 70% ของเป้าทั้งปี, GPM อสังหาฯ 35.7% ลดลง y-y จากรายได้สัดส่วนแนวราบที่สูงขึ้น และสัดส่วนรายได้ที่ออสเตรเลียที่สูงขึ้น ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นน้อยกว่าธุรกิจในไทย กำไรสุทธิ 2,781 ลบ. -14.5%y-y ในช่วง 2H66 เน้นเปิดโครงการแนวราบในเขตกรุงเทพฯ และเปิดโครงการมากขึ้น จะทำให้ยอดขายและยอดโอนเติบโตกว่าครึ่งปีแรก

3Q66 คาดรายได้โอนเติบโต q-q

3Q66 เปิด 10 โครงการ รวมมูลค่า 9,650 ลบ. เป็นแนวราบทั้งหมด คาดรายได้โอนเพิ่มขึ้น q-q จากมีคอนโด Spali Premier Si Phraya-Samyan มูลค่า 2,300 ลบ. ขายแล้ว 100% จะเริ่มโอนได้ในไตรมาสนี้เข้ามาช่วยเสริม และจะทำให้ GPM เพิ่มขึ้น q-q จากรายได้ธุรกิจในไทยมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นกว่ารายได้ที่ออสเตรเลียเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

ราคาพื้นฐานปี 66 ที่ 25.25 บาท/หุ้น อิง P/E 6.8 เท่า

ทางฝ่ายฯประเมินราคาหุ้น โดยใช้ P/E เฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี เนื่องจากสะท้อนภาพของธุรกิจปัจจุบันได้เป็นอย่างดีอยู่ที่ 6.8 เท่า คาดกำไรสุทธิปี 66 ลงมาอยู่ที่ 7,267 ลบ. -11.1%y-y จากภาคอสังหาฯ ที่อ่อนตัวในครึ่งปีแรก ราคาพื้นฐานปี 66 อยู่ที่ 25.25 บาท/หุ้น ปัจจุบันราคาหุ้นต่ำกว่าราคาพื้นฐาน คงคำแนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง

1. อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ/อัตราการจ้างงาน/อัตราดอกเบี้ย

2. ทำเลที่ตั้ง, ลักษณะโครงการ ความสมดุลของอุปสงค์และอุปทานในตลาดที่อยู่อาศัย

3. นโยบายลงทุนภาครัฐฯ

- Advertisement -