บล.ฟิลลิป:

ธนาคารกรุงไทย – KTB 2H66 กลับมาฟื้นตัวได้

Key Point

ถึงแม้ 1H66 สินเชื่อของ KTB จะโตเพียง 0.2% ytd แต่ยังคงเป้าการปล่อยสินเชื่อในปี 66 ไว้ 3-5% โดยความต้องการสินเชื่อจะมาจากการกลับมาลงทุนของเอกชน และการลงทุนภาครัฐหลังจากได้รัฐบาลใหม่ KTB เป็นธนาคารที่มีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปี 66 และคาดว่า 2H66 จะยังคงส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไว้ได้ ยังคงประมาณการ และคงราคาพื้นฐาน 20.50 บาท ยังมองว่า KTB จะเป็นธนาคารที่ยังได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐ ยังคงแนะนำ “ทยอยซื้อ”

2H66 คาดสินเชื่อจะฟื้นตัว

ถึงแม้ว่าสินเชื่อ 1H66 ของ KTB จะเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ytd เนื่องจากการชำระคืนของสินเชื่อภาครัฐ และสินเชื่อ SME โดยหดตัวลงไปถึง 8.1% ytd และ 0.3% ytd ตามลำดับ ในขณะที่ถึงแม้ว่าสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่จะเติบโต 3.9% ytd และสินเชื่อรายย่อยเติบโต 2.3% ytd แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้สินเชื่อของ KTB เติบโตสูงได้  อย่างไรก็ตาม ทาง KTB ยังคงตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อในปี 66 ไว้ที่ 3-5% โดยมองว่า 2H66 ความต้องการสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นจากการกลับเข้ามาลงทุนของเอกชน และการได้รัฐบาลใหม่จะมีส่วนช่วยการลงทุนภาครัฐให้กลับมาด้วย

แอปเป๋าตังยังอาจไม่ได้ประโยชน์ แต่ยังคาด KTB จะยังคงได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐ

การแจกเงินดิจิตอลหมื่นบาทตามนโยบายของรัฐบาลใหม่ อาจจะไม่ได้ทำผ่านแอปเป๋าตัง ซึ่ง 1 อาจจะทำให้ KTB ไม่ได้ประโยชน์ในส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม KTB ยังน่าจะเป็นธนาคารที่ได้ประโยชน์ต่อนโยบายรัฐ เนื่องจากปกติ KTB มักจะเป็นธนาคารที่เป็นตัวกลางการส่งผ่านนโยบายการเงินไปสู่ระบบเศรษฐกิจ และคาดว่าการลงทุนภาครัฐใหม่ ๆ หลังจากได้รัฐบาลแล้ว จะทำให้สินเชื่อภาครัฐของ KTB กลับมาได้

ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยน่าจะทรงตัวจาก 1H66 ได้

ถึงแม้ว่า KTB จะมีสินเชื่อเติบโตไม่มาก และมีสินเชื่อภาครัฐหดตัวลงแรง แต่สินเชื่อภาครัฐที่หดตัวลง เป็นสินเชื่อที่ให้ตอบแทนต่ำ ประกอบกับการลดลงของ NPL โดย KTB สามารถลด NPL ลงได้เหลือ 3.11% ใน 2Q66 จากสิ้นปี 65 ที่มี NPL อยู่ 3.26% ประกอบกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ทำให้ KTB เป็นธนาคารที่มีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยใน 2Q66 เพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบกับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย ณ สิ้นปี 65 โดยเพิ่มขึ้นถึง 0.4% จาก 2.81% ณ สิ้นปี 65 เป็น 3.21% ณ สิ้น 2Q66 ในขณะที่กลุ่มธนาคารมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นถึง 0.16% ในช่วง 2H66 KTB อาจจะได้รับผลกระทบจากต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น จากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และการแข่งขันกันแย่งเงินฝากของกลุ่ม แต่ผลตอบแทนสินเชื่อยังน่าจะเติบโตได้ต่อจากอัตราดอกเบี้ยที่น่าจะมีการปรับขึ้นอีก ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของ KTB น่าจะยังทรงตัวจาก 1H66 ได้

ยังคงประมาณการ และราคาพื้นฐาน แนะนำ “ทยอยซื้อ”

ทางฝ่ายยังคงประมาณการกำไรปี 66 ของ KTB ไว้ที่ 41.8 พันลบ. เพิ่มขึ้น 24% y-y และคาดว่าจะมีการจ่ายปันผล 0.84 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. yield 4.3% แต่ KTB จะไม่มีการจ่ายปันผลระหว่างกาล และยังคงราคาพื้นฐาน 20.50 บาท ยังคงแนะนำ “ทยอยซื้อ”

ความเสี่ยง

1. ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย

2. ความเสี่ยงด้านเครดิต

3 การเปลี่ยนแปลงของกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน

- Advertisement -