AMARC ส่งสัญญาณ H2/66 สดใส ภาคธุรกิจเกษตร-อาหารฟื้น หนุนการเติบโต ดีเดย์!! เดือนต.ค.นี้ เปิดศูนย์รับตัวอย่างที่ จ.ลำพูน บุกตลาดภาคเหนือ
บมจ.ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย หรือ AMARC (เอมาร์ค) เผยแนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง การเติบโตของภาคเอกชน ทั้งบริการตรวจวิเคราะห์และบริการสอบเทียบ มีทิศทางสดใส จากสถานการณ์โควิดที่คลี่คลาย ส่งผลให้ภาคธุรกิจเกษตร-อาหารฟื้นตัว พร้อมเดินหน้าเปิดศูนย์บริการตามหัวเมืองต่างจังหวัด ในเดือนตุลาคม ปี 2566 นี้ ดีเดย์ที่ จ.ลำพูน เพื่อบุกตลาดในภาคเหนือ ล่าสุดเปิดงบไตรมาส 2/66 รายได้รวมอยู่ที่ 71.12 ลบ. เติบโต 5.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ดร.ชินดนัย ไชยยอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ AMARC (เอมาร์ค) เปิดเผยว่าแนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง เชื่อว่ามีทิศทางการเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดยภาพรวมการเติบโตของภาคเอกชน ทั้งบริการตรวจวิเคราะห์และบริการสอบเทียบ คาดว่าจะฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิดที่คลี่คลาย ส่งผลให้ภาคธุรกิจเกษตร อาหาร กลับมาเติบโต ถือเป็นปัจจัยบวกที่สนับสนุนการเติบโตของ AMARC
ส่วนความคืบหน้าแผนการขยายศูนย์บริการตามหัวเมืองในต่างจังหวัด ช่วงเดือนตุลาคม 2566 นี้ บริษัทฯ จะเปิดศูนย์ประสานงานและรับตัวอย่าง ที่ จ.ลำพูน เพื่อรองรับการให้บริการในตลาดภาคเหนือ ส่งผลให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น สำหรับภูมิภาคอื่น บริษัทฯ ชะลอการเปิดศูนย์ประสานงานออกไป โดยพิจารณาตามความต้องการของลูกค้า ความชัดเจนทางการเมือง และสภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้ในช่วงเดือนตุลาคม ปี 2565 บริษัทฯ ได้เปิดศูนย์ประสานงานและรับตัวอย่างที่มหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี ช่วยสนับสนุนยอดขายภาคตะวันออก โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 เปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 25.8% แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ารายใหม่เป็นจำนวนมาก
ล่าสุดผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในงวดไตรมาส 2/2566 มีรายได้รวม 71.12 ล้านบาท เติบโต 5.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยกลุ่มงานตรวจวิเคราะห์ (Testing) เติบโต 2% โดยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจะมีการเติบโตจากลูกค้าขนาดกลางและขนาดใหญ่ ที่การผลิตและการส่งออกเริ่มกลับมาเป็นปกติ ทั้งจากลูกค้าใหม่และลูกค้าประจำ แต่ในส่วนของกลุ่มงานโครงการขนาดใหญ่จากกลุ่มค้าปลีกเอกชนรายหนึ่ง ในปีนี้เลื่อนการเริ่มโครงการมาเป็นช่วงปลายไตรมาสที่ 2 ซึ่งล่าช้ากว่าปีก่อนหน้า ส่งผลให้ภาพรวมการเติบโตในส่วนนี้ไม่สูงนัก ส่วนกลุ่มงานสอบเทียบ (Calibration) เติบโต 12% จากการขยายกำลังการให้บริการ และกลุ่มงานตรวจสอบและรับรองระบบ (Inspection & Certification) เติบโต 122% จากงานประมูล ที่เริ่มมีมากขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีการลงทุนในบุคลากรและเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เพื่อขยายกำลังการให้บริการตามแผน ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น มีอัตรากำไรที่ลดลง แต่อย่างไรก็ตาม จากการควบคุมค่าใช้จ่ายและรายได้ที่เพิ่มขึ้น ทำให้อัตรากำไรสุทธิของไตรมาสที่สอง สูงกว่าไตรมาสแรก ขณะที่กำไรเบ็ดเสร็จในงวดไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 2.76 ล้านบาท ลดลง 58.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
“ภาพรวมครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีการเติบโตของรายได้รวม 4% ต่ำกว่าที่คาด สาเหตุจากการส่งออกที่หดตัว และงานของกลุ่มบริการตรวจสอบและรับรองระบบที่เลื่อนมาในช่วงปลายไตรมาส 2 แต่ถ้าหากหักรายได้จากบริการตรวจรับรองระบบ บริษัทฯ จะเติบโต 6% มีการเติบโตอยู่ที่ 92% ใกล้เคียงเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งในส่วนนี้เป็นรายได้จากลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นถึง 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และจำนวนลูกค้าเดิมมีการใช้บริการเพิ่มขึ้น จากการผลิตและการส่งออกผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหาร ที่เริ่มกลับสู่สภาวะปกติ ขณะที่กำไรสุทธิลดลง เป็นผลจากการลงทุนเครื่องมือวิทยาศาสตร์และการรับบุคลากรตามแผนดำเนินงานของบริษัทฯ” ดร.ชินดนัย กล่าว
จากการคาดการณ์ดังกล่าว ในช่วงครึ่งปีหลัง AMARC จะสามารถดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ โดยมีทั้งปัจจัยสนับสนุนภายใน เรื่องการขยายเครื่องมือ และบุคลากรเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น เพื่อรักษามาตรฐานคุณภาพและการบริการที่โดดเด่น รวมถึงปัจจัยภายนอก ทั้งความชัดเจนทางการเมือง และสภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัว ตอกย้ำความเป็นผู้นำแล็บมาตรฐานระดับสากลอย่างแท้จริง