ชีวิตมีขึ้น ก็ต้องมีลง / 1,555-1,570
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- SET วันนี้พักตัว: มอง Sentiment เชิงลบจากภายนอก โดย CPI ของ Euro Zone ส.ค. ที่ยังมากกว่าคาดสู่ 5.3% และสหรัฐเผยดัชนี PCE ที่ยังเพิ่มขึ้นในเดือน ก.ค. ที่ 3.3% ทำให้เป็นแรงกดดันต่อภาพการดำเนินนโยบายทางการเงินของ FED ว่าจะยังใช้อัตราดอกเบี้ยระดับสูงยาวนาน ส่วนฝั่งจีนยังต้องต่อสู้กับปัญหา Shadow Banking, ภาคอสังหาฯ ที่กระทบต่อเศรษฐกิจจีน, ปัญหาความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์กับสหรัฐ ซึ่งสะท้อนได้จากตัวเลขเศรษฐกิจจีนระยะหลังที่ยังไม่ฟื้นตัว กอปรกับภาคเอกชนยังมีมุมมองว่าทางการจีนยังออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจน้อยไปและไม่ได้ผลเท่าที่ควร ผลกระทบนี้ยังเริ่มเห็นการลุกลามสู่ประเทศอื่นๆ ที่จีนเป็นคู่ค้าสำคัญในภูมิภาคมากขึ้น โดยรอยเตอร์คาดภาคส่งออกเกาหลีใต้เดือน ส.ค. จะหดตัว 11.6%y-y นอกจากนี้ภูมิภาคเอเชียเช้านี้ยังถูกกดดันจากญี่ปุ่นที่เผยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน ส.ค. ต่ำกว่าคาด และยังต่ำกว่าระดับ 50 จุด สู่ 49.6 จุด ทำให้ทางฝ่ายมองวันนี้ปัจจัยทั้งหมดจะกดดันให้ดัชนี SET อยู่ในแดนลบ อย่างไรก็ตาม แรงพยุงดัชนี SET วันนี้ยังพอมีจากหุ้นกลุ่มพลังงาน, โรงกลั่น จากน้ำมัน WTI เมื่อคืนที่บวกกว่า 2% ยืน 83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากสภาวะอุปทานที่ยังตึงตัว โดยตลาดคาดซาอุฯ จะขยายเวลาลดกำลังการผลิตภาคสมัครใจ 1 ล้านบาร์เรลต่อไปถึงเดือน ต.ค. และโอเปกพลัสจะลดกำลังการผลิตต่อเนื่องถึงสิ้นปีนี้ ส่วนปัจจัยภายในประเทศเริ่มมีความหวัง หลังรัฐบาลใหม่ส่งสัญญาณเร่งกระตุ้น ศก.เป็นการเร่งด่วน ซึ่งจะช่วยหนุนต่อกลุ่ม Spending นอกจากนี้ทางฝ่ายยังแนะนำเลือกเก็งกำไรหุ้นก่อน XD และหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว เป็นต้น คืนนี้ติดตามการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ คาดอ่อนตัวสู่ 1.7 แสนตำแหน่ง
- กลยุทธ์การลงทุน : 1) Spending + ท่องเที่ยว: ADVANC, CPALL, CPAXT, CRC, MINT, SPA, SPALI, SYNEX, SABINA 2) Defensive Stock: BCH, BDMS 3) Selective Play: AH, SCB, SISB, VGI, TISCO, KBANK 4) น้ำมันขึ้น: PTTEP.PTG, SPRC
ปัจจัยบวก
- นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงยืนยันว่านโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะเริ่มได้ตั้งแต่ช่วง 1Q67 สร้างความเชื่อมั่นต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ ครม.นัดแรกจะประกาศมาตรการแก้ปัญหาราคาพลังงาน เพื่อลดต้นทุนให้แก่ภาคเอกชน
- ตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติจีนเผยความต้องการใบรับรองการเดินทางเข้าและออกประเทศของจีนเพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดฤดูร้อนแรก หลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ในช่วงต้นปี
- นิกเกอิเอเชียรายงานว่า โตโยต้า มอเตอร์ วางแผนที่จะผลิตรถยนต์ทั่วโลกให้ได้ 10.2 ล้านคันในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายระดับ 8 หลัก เป็นครั้งแรก
ปัจจัยลบ
- ธปท. เล็งลดคาด GDP ไทย ปี 66 ลงจาก 3.6% หลังแนวโน้มการส่งออกฟื้นตัวช้า ตามอุปสงค์ประเทศคู่ค้ำ นอกจากนี้ ธปท.ยังรายงานดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน ก.ค. ขาดดุล 455 ล้านดอลลาร์ แย่กว่า มิ.ย. 1,449 ล้านดอลลาร์ ส่วนดุลการค้าเดือน ก.ค. เกินดุลแค่ 355 ล้านดอลลาร์ จากมิ.ย. 2,018 พันล้านดอลลาร์
- UBS Group AG เตรียมเลิกจ้าง พนง. 3 พันตำแหน่งในสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อเป็นไปตามแผนลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายราว 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- คันทรี การ์เดน ขาดทุนสูงเป็นประวัติการณ์ใน H1/66 และจะออกจากการซื้อขายในดัชนีฮั่งเส็งในวันที่ 4 ก.ย.นี้
- สศอ. ลดคาดดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ปี 66 สู่ 2.8 – 3.8% และ GDP ภาคอุตสาหกรรมหดตัว 1.5-2.5% หลังดัชนี MPI 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.) หดตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 4.5%
PICKS OF THE DAY
CPAXT BUY
- เป้าหมาย 38.00/39.00 แนวรับ 35.00/35.50
- กลุ่มค้าส่งยังคงโตได้ดี: รายได้ใน2Q66 โต 2.3% y-y จากธุรกิจค้าส่งที่โต 7.4% y-y เป็นผลมาจากการเพิ่มสาขาใหม่อีก 9 สาขา และ SSSG โต 6% y-y โดยใน 1H66 ผลประกอบการโต 4.7%y-y จากการเติบโตของรายได้กลุ่มธุรกิจค้าส่งที่โตกว่า10.1% y-y
- คาดกำไร2Q66 เป็นจุดต่ำสุดของปี: คาดผลประกอบการใน 2H66 ธุรกิจกลุ่มค้าส่งยังคงได้รับปัจจัยบวกจากลูกค้ากลุ่มร้านอาหารและโรงแรมที่กลับมาให้บริการในช่วง High Season ของการท่องเที่ยว ร่วมกับค่าดอกเบี้ยจ่ายและค่าไฟต่อหน่วยที่ลดลง
SABINA BUY
- เป้าหมาย 27.50/28.25 แนวรับ 25.50/26.00
- ด้านผลการดำเนินงาน: งวด 1H66 ทำรายได้ที่ 1.73 พันล้านบาท (+10%y-y) โดยโดดเด่นที่อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นจาก 1H65 ที่ 47.2% สู่ 1H66 ที่ขยับขึ้นมาเป็น 49.5% ส่วนกำไรงวด 1H66 ทำได้ที่ 230 ล้านบาท (+13%y-y) ทางฝ่ายจึงยังมองพื้นฐานแข็งแรง
- มอง 2Hกลุ่ม Spending ยังเติบโต: หลัง ธปท.เผย ศก.ไทยครึ่งปีหลัง ยังมีโอกาสฟื้นตัวจากการใช้จ่ายในประเทศและภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะช่วง High Season ที่จะช่วยหนุนแรงซื้อ กอปรกับทางบริษัทมีแผนจะ Re-Brand สินค้าหลายรายการ ทั้ง Call me your darling, Sabina Kids, Barbie และ Barbie Kids Collection เพื่อกระตุ้นตลาด