บล.บัวหลวง:
Residential Property – จะได้เห็นการกระตุ้นกลุ่มอสังหาฯ หรือไม่? (NEUTRAL)
เราคาดว่ากลุ่มอสังหาฯ จะปรับตัวขึ้นเพื่อพิสูจน์แนวโน้มขาขึ้น ผู้บริหารส่วนใหญ่ของหุ้นทั้ง 6 ตัวที่เราให้คำแนะนำมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มไตรมาส 3/66 เราชอบ AP มากที่สุดในกลุ่ม (ผู้นำการเปิดตัวโครงการ) และ SC (ยอดโอนโครงการคอนโดระดับไฮเอนด์)
โลว์ซีซั่นผ่านไปแล้ว! คาดไตรมาสต่อไปดีปรับตัวดีขึ้น!
ผู้บริหารของบริษัทอสังหาฯที่เราให้คำแนะนำเกือบทั้งหมด (ยกเว้น PSH) มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มไตรมาส 3/66 เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ มูลค่าเปิดตัวโครงการประมาณ 8.8 หมื่นล้านบาทในช่วงนี้ (โครงการแนวราบ 77%, โครงการคอนโด 23%) เพิ่มขึ้น 41% YoY และ 29% QoQ และเป็นไตรมาสที่เปิดตัวโครงการมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ที่เริ่มในปี 2563 ดังนั้น เราคาดยอดจองชื้อในไตรมาส 3/66 จะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ โดยอยู่ที่ 5.1 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 3/65 และ 4.7 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 2/66
ทุกบริษัทที่เราให้คําแนะนำมีแนวโน้มเชิงบวกในปี 2566
ผู้บริหารบริษัทอสังหาฯ ที่เราพูดคุยด้วยมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มในปี 2566 เนื่องจากกิจกรรมการเปิดตัวโครงการที่เพิ่มขึ้นและการลดราคาที่ลดลง แม้ว่าการปรับลดอัตราส่วน LTV (มีผลใช้บังคับวันที่ 1 ม.ค. 2566) จะ ส่งผลให้อุปสงค์การซื้อบ้านหลังที่สองช้าลง แต่บริษัทอสังหาฯส่วนใหญ่ที่เราให้คําแนะนําขายที่อยู่อาศัยในราคามากกว่า 10 ล้านบาท/ยูนิต มูลค่าการเปิดตัวโครงการรวมตามกำหนดการจะเพิ่มขึ้นจาก 2.72 แสนล้านบาทในปี 2565 เป็น 3.29 แสนล้านบาทในปี 2566 (ไตรมาสที่เปิดตัวโครงการมากที่สุด คือไตรมาส 4/66) เพิ่มขึ้น 21% YoY AP มีกำหนดการเปิดตัวโครงการมากที่สุดในปีนี้ ที่ 7.7 หมื่นล้านบาท ตามมาด้วย SIRI ที่ 7.5 หมื่นล้านบาท และ SPALI ที่ 4.1 หมื่นล้านบาท ดังนั้น เราคาดยอดจองซื้อในปี 2566 ที่ 2.7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% YoY
นายกฯ จะกระตุ้นกลุ่มอสังหาฯ เร็วๆ นี้หรือไม่?
นักลงทุนจํานวนมากสอบถามถึงความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองถึงภูมิหลังของนายกรัฐมนตรีในภาคอสังหาริมทรัพย์ การวิเคราะห์ของเราชี้ให้เห็นว่าการแนะนำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่เนิ่นๆ อาจส่งผลเสียต่อนายกฯ และอาจก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งทางผลประโยชน์ หากมีการนำมาตรการใดๆ มาใช้ ก็มีแนวโน้มที่จะเกี่ยวข้องกับการขยายส่วนลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจํานอง กฎ Loan-to-Value (LTV) ที่ใช้อยู่มีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ โดยอยู่ภายใต้การควบคุมโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ใช่รัฐบาล
ความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งคือการเสนอวีซ่าระยะยาวให้กับผู้ซื้อคอนโด ชาวต่างชาติเพื่อเป็นสิ่งจูงใจจากการเจาะลึกถึงงานในมือที่ผู้พัฒนาโครงการต้องเผชิญ เราพบว่าสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดนั้นอยู่ที่ประมาณ 15-20% สัดส่วนที่ใกล้เคียงกันนั้นเกี่ยวข้องกับผู้พัฒนาโครงการที่เน้นยอดจองซื้อโครงการคอนโดเป็นหลัก การเพิ่มวีซ่าเพื่อกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจในหมู่นักพัฒนาโครงการคอนโดในอีกหลายปีข้างหน้า SPALI, AP และ SIRI มีโครงการคอนโดพร้อมเข้าอยู่ (RTM) มากที่สุด ณ สิ้น เดือน มิ.ย.