KS Daily View 04.09.2023 >>> คาดตลาดสลับกลุ่มเล่น หุ้นพลังงานมีโอกาสปรับตัวขึ้น ประเมินกรอบซื้อขาย 1,560/1,575 จุด หุ้นแนะนำ PTTEP, CPALL
สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้
ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA +0.33%, S&P 500 +0.18%, NASDAQ -0.02%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 เช่น Energy (+2.05%), Materials (+1.01%), Financials (+0.80%) ขณะที่ Consumer staples (-0.83%), Consumer discretionary (-0.54%), Communication services (-0.54%)
ในประเทศ: SET Index -4.43 pts. หรือ -0.28% ปิดที่ 1,561.51 จุด ตัวขับเคลื่อนหลักสำคัญคือ DELTA (+1.38%), PTTEP (+2.52%), PTT (+0.72%), TLI (+4.42%) ขณะที่ CPAXT (-2.07%), BAY (-2.22%), BYD (-10.38%), BDMS (-0.89%)
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
มองตลาดมีโอกาสปรับตัวขึ้นในกรอบ โดยกระแสเงินหมุนสลับกลุ่มเล่น เชื่อหุ้นกลุ่มพลังงานได้อานิสงค์บวกจากทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เรามองหุ้นกลุ่มหลักที่น่าสนใจคือ ENERG (PTTEP) ตามราคาพลังงานที่ปรับตัวขึ้น, COMM (CPALL, CRC) อานิสงค์นโยบายลดค่าไฟและนักท่องเที่ยวฟื้น, PROP (AMAMTA, CPN, AP) กระแสFDI ต่างชาติ-ลดค่าไฟ/บริโภคฟื้น นักท่องเที่ยวกลับ/นโยบายลดค่าโอนบนกรอบราคาที่สูงขึ้น และ TOUR (AOT, CENTEL, AAV) ฟรีวีซ่าจีน-อินเดีย มองกรอบซื้อขายวันนี้ที่ 1,560/1,575 จุด
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1.) ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 2% ช่วงข้ามคืน ตลาดเล่นเก็งกำไรประเด็นคาดการณ์ว่าซาอุฯอาจขยายการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบออกไปไม่เพียงแค่สิ้นเดือนหน้าแต่อาจขยายต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีนี้
2.) ช่วงข้ามคืนวันศุกร์สหรัฐฯรายงานตัวเลขภาคการผลิต US ISM manufacturing PMI เดือนส.ค. ที่ 47.6 จุด ดีกว่าที่ตลาดคาด 46.9 จุดและดีกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 46.4 จุด ข้อมูลสะท้อนการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วของภาคการผลิตสหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มส่งผลบวกให้กับการส่งออกไทยในช่วงปลายปีตามที่เราประเมิน
3.) สหรัฐฯรายงานตัวเลขสำคัญตลาดแรงงาน โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payrolls) มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 187k ตำแหน่ง มากกว่าที่ตลาดคาดที่ 169k ตำแหน่งและสูงกว่าเดือนก่อนหน้าที่มีการปรับปรุงตัวเลขลงเหลือ 157kตำแหน่งจากเดิมที่ 187k ตำแหน่ง ตัวเลขการจ้างงานที่ชะลอตัวลงต่อเนื่องส่งผลให้แรงกดดันเงินเฟ้อจากค่าจ้างแรงงานลดลงโดยตัวเลขอัตรารายได้ค่าจ้างต่อชั่วโมงเฉลี่ย (average hourly earnings) ชะลอตัวลงเหลือ 0.2% MoM เทียบกับที่ตลาดคาด0.3% MoM และเดือนก่อนหน้าที่ 0.4% MoM ขณะที่ตัวเลขอัตราการว่างงานก็ปรับสูงขึ้นเป็น 3.8% มากกว่าที่ตลาดคาด3.5% และสูงกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 3.5% หลังอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ข้อมูลตลาดแรงงานที่ชะลอตัวต่อเนื่องสะท้อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed อาจเพียงพอแล้ว
4.) เว็บไซต์ราชกิจจา เผยแพร่ประกาศ แต่งตั้งรัฐมนตรี โดยระบุ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 22 สิงหาคม พุทธศักราช 2566 แล้ว นั้น บัดนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เลือกสรรผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้วอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังตามรายชื่อที่มีการเสนอ ตลาดจับตาประชุม ครม.เศรษฐา 1 นัดแรกอย่างเป็นทางการ 12 ก.ย. ถกราคาพลังงาน ลดค่าไฟ-น้ำมันดีเซล หลังให้คำมั่น ประชุม ครม. นัดแรก พร้อมลดราคาน้ำมันดีเซลเหลือทันที คาดอยู่ที่ลิตรละ 30 บาท และลุ้นชงตั้ง สสร. ทำประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญใหม่
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,555 – 1,595 จุด บนมุมมองเชิงบวกต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ หลังโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว โดยมีการประเมินเบื้องต้นว่าจะกำหนดการแถลงนโยบายในวันที่ 8 ก.ย. 66 และนัดประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกในวันอังคารที่ 12 ก.ย. 66 ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนเรื่องนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ คือ นโยบายฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย และนโยบายลดราคาขายปลีกน้ำมัน รวมถึงค่าไฟ เป็นต้น นอกจากปัจจัยบวกภายในประเทศแล้วราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของหุ้นในกลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่นด้วย
หุ้นแนะนำวันนี้
Top pick: PTTEP (ราคาพื้นฐาน 168 บาท) ราคาน้ำมันดิบWTI ปรับตัวขึ้นแรงสัปดาห์ก่อนราว US$6 หรือราว 8% WoWจากราว US$80/bbl ไปแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2022 ที่ US$86
Top pick: CPALL (ราคาพื้นฐาน 77.4 บาท) คาดบริษัทได้อานิสงค์จากภาคการท่องเที่ยวไทยที่ฟื้นตัวและมาตรการรัฐทั้งค่าไฟลดและการเร่งตัวของการบริโภคของภาคเอกชน
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันจันทร์ ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญหลังเป็นวันหยุดของทางฝั่งสหรัฐฯและแคนนาดา โดยเป็นวันแรงงานแห่งชาติ ซึ่งจะหยุดทุกๆวันจันทร์แรกของเดือนก.ย.ทุกปี
- วันอังคาร ติดตามการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย (Royal Bank of Australia – RBA) ในช่วงเช้าโดยตลาดคาดธนาคารกลางจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.1% ต่อด้วยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศไทย (Consumer Price Index – CPI) เดือน ส.ค. ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 0.76% YoY เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่เพิ่ม 0.38% YoY ขณะที่ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานซึ่งไม่รวมผลของราคาพลังงาน (Core CPI)ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 0.80% YoY ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ เพิ่มขึ้น 0.86% YoY
- วันพุธ ติดตามตัวเลขดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ (US ISM service PMI) ตลาดคาดจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ 52.7 จุดเป็น 52.6 จุดในเดือนส.ค. และช่วงข้ามคืนติดตามหนังสือรายงานภาวะเศรษฐกิจจาก Fed ทั้ง 12 สาขา (Beige Book) อาจสะท้อนมุมมองของสภาชิก Fed ที่มีต่อทิศทางนโยบายการเงินในระยะถัดไป
- วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลข การค้าของจีน โดยตลาดคาดตัวเลขส่งออกจีนเดือน ส.ค. จะหดตัว 9.8% YoY แต่ดีขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้าที่หดตัวถึง 14.5% YoY ขณะที่ตัวเลขการนำเข้าตลาดคาดจะลดลง 8.8% YoY หดตัวในอัตราที่ลดลงเช่นเดียวกันเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 12.4% YoY
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลข GDP ของญี่ปุ่นสำหรับไตรมาส 2/2566โดยเป็นการประกาศตัวเลขครั้งที่ 2 เพื่อทบทวนและปรับปรุง ตลาดคาดขยายตัว 1.4% QoQ เทียบกับตัวเลขที่ประกาศในครั้งแรกที่ขยายตัว 1.5% QoQ