วันนี้คาดตลาด “Sideways”

แนวรับ 1,542 / 1,532 แนวต้าน 1,555 / 1,563 US Bond Yield ยังปรับตัวขึ้นตามที่เราคาดไว้ ก่อนหน้า คาดจะกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้อยู่ ขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น แต่แนวโน้มในการออกมาตรการลดราคาพลังงานคาดจะจำกัด การฟื้นตัวหุ้นในกลุ่มพลังงานในประเทศได้อยู่

Our View? “ทดสอบแนวรับ”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,542 / 1,532 และแนวต้านที่บริเวณ 1,555 / 1,563 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (US Bond Yield) ปรับตัวขึ้นอีกครั้งตามที่เราคาดไว้ก่อนหน้า โดยเช้านี้รุ่นอายุ 10 ปีอยู่ที่ระดับ 4.26%+/- (+1.27%) คาดจะกระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนทางการเงินของบริษัทต่างๆ ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น กดดันทิศทางผลประกอบการได้ รวมทั้งยังเป็นเครื่องสะท้อนถึงคาดการณ์เกี่ยวกับทิศทางนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่คาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไปยาวนานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงที่ผ่านมายังคงแข็งแกร่ง โดยดัชนีภาคการผลิตและการบริการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งเครื่องมือที่เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อของสหรัฐยังอยู่ในระดับสูง ลดทอนแนวโน้มที่เงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่กรอบ เป้าหมายในระยะเวลาสั้น ทั้งนี้เรายังคงมุมมองเดิมของเราที่คาดว่าหากเศรษฐกิจสหรัฐไม่เผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย คาด FED จะยังไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งเรามองยังต้องใช้เวลาในระยะหนึ่ง คาดจะกดดัน- จํากัด Upside ของราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้ต่อ

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ส่งมอบเดือน ต.ค. เมื่อคืนนี้ปรับตัวขึ้นปิดที่ระดับ 86.69 ดอลลาร์/บาร์เรล +1.14 ดอลลาร์ (+1.33%) ได้รับแรงหนุนจากการที่ซาอุดิอาระเบียขยายการปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจ 1 ล้านบาร์เรล/วัน ไปจนถึงสิ้นปีนี้ ขณะที่รัสเซียจะขยายระยะเวลาลดการส่งออกน้ำมันจำนวน 3 แสนบาร์เรล/วัน ไปจนถึงสิ้นปีเช่นเดียวกันกระตุ้นความกังวลอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว ขณะที่คาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐแข็งแรงมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้า คาดจะหนุนทิศทางราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นได้ อย่างไรก็ตามสำหรับหุ้นในกลุ่มพลังงานในประเทศคาดยังมีปัจจัย Overhang จากประเด็นแนวโน้มการออกนโยบายลดราคาพลังงานของรัฐบาล คาดจะเกี่ยวกับการปรับภาษี, ค่าการตลาด, ภาระทางการเงิน รวมทั้งยังส่งสัญญาณจะนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปซึ่งคาดว่าหุ้นในกลุ่มพลังงาน (PTTEP) โรงไฟฟ้า (GULF, BGRIM และ GPSC) โรงกลั่น (TOP, BCP และ SPRC) จะได้รับผลกระทบเชิงลบ กดดันทิศทางหุ้นในกลุ่มดังกล่าวได้อยู่

ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศเมื่อวานนี้กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ส.ค. ออกมาอยู่ที่ระดับ +0.88%YoY/+0.55%MoM มากกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย ขณะที่ Core CPI อยู่ที่ระดับ +0.79%YoY ใกล้เคียงที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงกำลังซื้อภายในประเทศที่อ่อนแอ คาดจะกระตุ้นคาดการณ์ถึง กนง. อาจจะไม่สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ต่อ เรามองเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มการเงิน (MTC, SAWAD, TIDLOR, KTC, AEONTS, JMT และ BAM) จากแนวโน้มต้นทุนทางการเงินมีโอกาสลดลงในระยะถัดไป ทั้งนี้เรายังแนะนำติดตามการแถลงนโยบายและประชุม ครม. นัดพิเศษในสัปดาห์นี้- หน้า คาดจะหนุนหุ้นในกลุ่ม Domestic Play อาทิ หุ้นในกลุ่มการเงินและกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT, TNP และ BJC) ที่ได้รับความคาดหวังในการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้เราคาดว่าการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภายในสิ้นปี’66 เป็นไปได้ยาก คาดจะจำกัด Upside ของตลาดหุ้นไทยได้บ้าง อย่างไรก็ดี เรามองความคาดหวังในการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 1Q’67 โดยเฉพาะดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท คาดจะช่วยจำกัด Downside ของตลาดได้เช่นกัน รวมทั้งการส่งสัญญาณเตรียมยกเลิกวีซ่าให้กับประเทศจีนและอินเดีย รวมทั้งขยายระยะเวลาท่องเที่ยวของชาวรัสเซียได้ 90 วัน และแนวโน้มในการปรับลดภาษีน้ำมันเครื่องบินในประเทศลงเหลือที่ระดับ 0.20 บาทอีกครั้ง คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-สายการบิน (AOT, CENTEL, ERW, AAV และ BA) ได้ต่อ

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “MTC”

  • คาดได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากการออกนโยบาย กระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ที่คาดจะเป็นการเพิ่มเม็ดเงินเข้าสู่ฐานรากเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ระดับอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำคาดจะส่งผลให้ตลาดพูดถึงโอกาสที่ กนง. จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อได้ยากขึ้น
  • ทางเทคนิค ราคายังคงยืนเหนือ EMA200 วันเริ่มชะลอการอ่อนตัวลงบ้างแล้ว ยังไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่ในภาพระยะสั้น แนะนำ “ซื้อสะสม”
  • กลยุทธ์ ซื้อสะสม แนวรับ 40.00 / 39.00 Target 42.00 / 45.50 Stop <38.75

- Advertisement -