KS Daily View 08.09.2023 >>> มองดัชนีแกว่งตัวในกรอบออกข้าง รอปัจจัยใหม่จากการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาและประชุมครม. สัปดาห์หน้า ประเมินกรอบซื้อขาย 1,540/1,560  หุ้นแนะนำ PSL WARRIX

สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้

ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA +0.17%, S&P 500 -0.32%, NASDAQ –0.89%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 เช่น Utilities (+1.26%), Real Estate (+0.71%), Health care (+0.47%) ขณะที่ Information technology (-1.57%), Materials (-0.44%), Industrials (-0.32%)

ในประเทศ: SET Index +1.58 pts. หรือ +0.10% ปิดที่ 1,550.36 จุด ตัวขับเคลื่อนหลักสำคัญคือ GULF (+1.63%), ADVANC (+0.93%), PTTEP (+0.60%), TRUE (+1.49%) ขณะที่ DELTA (-0.93%), PTT (-0.71%), EA (-1.62%), BAY (-1.52%)

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

มองระยะสั้นตลาดยังอยู่ในโหมดพักตัวคาด SET index เคลื่อนไหวในกรอบ ตลาดยังไร้ปัจจัยบวกชัด ตลาดหมุนเล่นหุ้นกลุ่มเล็กรอพิจารณาครม.แถลงนโยบายวันจันทร์หน้า 11 ก.ย. และต่อด้วยประชุมครม.รอบแรกในวันอังคารที่ 12 ก.ย. ขณะที่ตลาดต่างประเทศยังปรับตัวลงบนความกังวลว่าแรงกดดันเงินเฟ้อจะกลับมาอีกรอบและ Fed อาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ มองกรอบซื้อขายวันนี้ที่ 1,540/1,560 จุด

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ชี้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอ่อนแรงจึงปรับลดคาดการณ์ GDP ประเทศไทยเหลือ 2.5-3.0% ต่ำกว่าเป้าเดิมที่ 3.0-3.5% โดยปรับลดตัวเลขส่งออกจาก -2% ถึง 0% เป็น -2% ถึง -0.5% และปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อเหลือ 1.7-2.2%  โดยเห็นด้วยกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธปท. และมองถึงระดับสมดุลแล้ว
  2. สหรัฐฯและสหภาพยุโรป (EU) กำลังเจรจาเพื่อดำเนินการหาข้อตกลงเพื่อจบข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัย Trump หลังจากที่มีการประกาศเก็บภาษีเหล็กกล้านำเข้าที่มาจากยุโรป 25% ตั้งแต่ปี 2018 ยุโรปจึงได้ตอบโต้มาตรการดังกล่าวด้วยการจัดเก็บภาษีในอัตราที่เท่ากัน ย้อนกลับไปปี 2021 ทั้งสหรัฐฯและสหภาพยุโรปสามารถบรรลุข้อตกลงยุติความขัดแย้งบนเหล็กกล้านี้ได้ชั่วคราวซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะหมดอายุลงในวันที่ 31 ต.ค. นี้ ทั้งคู่พยายามเจรจาเพื่อหาข้อตกลงถาวรให้ได้ก่อนจะถึงกำหนดดังกล่าว อย่างไรก็ดี ในการเจรจาได้มีรายละเอียดขอความร่วมมือในการร่วมกันจัดเก็บภาษีเหล็กที่มีการผลิตแล้วก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในระดับสูง ซึ่งตีความได้ว่าจะเป็นผลลบต่อเหล็กกล้าที่มาจากประเทศจีน
  3. ผู้ผลิตปุ๋ยรายใหญ่ในจีนได้ระงับการส่งออกปุ๋ยยูเรียตามคำสั่งของทางการ อย่างไรก็ดี สัญญาซื้อขายปุ๋ยยูเรียล่วงหน้าในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เจิ้งโจว แม้จะมีการปรับตัวลดลงประมาณ 11% ในสัปดาห์นี้ แต่ก่อนหน้าพุ่งขึ้นเกือบ 50% ในช่วง 7 สัปดาห์นับตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย.จนถึงสิ้นเดือนก.ค. จีนเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคปุ๋ยยูเรียชั้นนำของโลก ดังนั้นการจำกัดการส่งออกปุ๋ยยูเรียจึงเสี่ยงที่จะทำให้อุปทานตึงตัวและทำให้ราคาในตลาดโลกแพงขึ้น โดยตลาดส่งออกปุ๋ยยูเรียรายใหญ่ที่สุดของจีนได้แก่ อินเดีย เกาหลีใต้ เมียนมา และออสเตรเลีย แน่นอนว่ามาตรการในการจำกัดอุปทานดังกล่าวจะส่งผลให้ต้นทุนของเกษตรกรเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอินเดียซึ่งเผชิญปัญหาราคาสินค้าเกษตรแพงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย มาตรการนี้จึงเหมือนเป็นการซ้ำเติมและทำให้ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดของสองประเทศนี้ครุกรุ่นเข้าไปอีก
  4. สงครามรัสเซีย-ยูเครนยังสู้รบกันหนักหลังสหรัฐฯส่งมอบกระสุนบรรจุยูเรเนียมด้อยสมรรถนะ (depleted uranium) ให้แก่กองทัพยูเครนเพื่อช่วยเหลือแก่ทางการยูเครนในการสู้รบ โดยรัสเซียระบุว่าเป็นการตัดสินใจส่งมอบอาวุธดังกล่าวเป็นเรื่องไร้มนุษยธรรม ฝากฝั่งสหรัฐฯถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่นานนี้มีการจัดส่งคลัสเตอร์บอมบ์ (cluster bomb) ให้กับยูเครน ซึ่งเป็นอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงและอาจสร้างอันตรายต่อพลเรือนได้
  5. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และหน่วยงานกำกับดูแลกฎระเบียบทางการเงินระดับโลกได้กำหนดแผนงาน เพื่อร่วมดำเนินมาตรการป้องกันไม่ให้สินทรัพย์คริปโทเคอร์เรนซีบ่อนทำลายเสถียรภาพทางการเงินและเศรษฐกิจมหภาค โดยกล่าวความเสี่ยงด้านคริปโทฯทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน หน่วยงานเฝ้าระวังความเสี่ยงของกลุ่ม G20 คณะกรรมการเสถียรภาพการเงิน (FSB) และ IMF ระบุในรายงาน เอกสารดังกล่าวกำหนดกรอบเวลาสำหรับสมาชิก IMF และ G20 ในการดำเนินการตามคำแนะนำเพื่อควบคุมสกุลเงินดิจิทัลจาก FSB และองค์กรคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์นานาชาติ (IOSCO) ซึ่งเป็นกลุ่มหน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ระดับโลก
  6. อัพเดทสถานการณ์การน้ำมันรั่วของ TOP เช้านี้บริษัทแจ้งไม่พบคราบน้ำมันขนาดใหญ่แล้ว แต่ยังมีการเฝ้าระวังเรื่องฟิล์มน้ำมันที่อาจเข้าฝั่งได้ แต่ความน่าจะเป็นที่ฟิล์มน้ำมันจะเข้าฝั่งลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เรือ VLCC ที่เกิดกรณีน้ำมันรั่วยังอยู่ที่ทุ่น SBM ยังได้ไม่เคลื่อนย้าย คาดว่าจะมีค่าใช้จ่าย demurrage หลักหลายหมื่นเหรียญต่อวัน ยังไม่มีความชัดเจนจากภาครัฐว่าจะสามารถกลับมาใช้ได้เมื่อไร และจะอนุญาตให้เริ่มซ่อมแซมเมื่อไร เพราะต้องรอผลสอบสวน บริษัทคาดว่าจะใช้เวลาน้อยกว่ากรณีน้ำมันรั่วไหลก่อนหน้า

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

สัปดาห์นี้ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,540 – 1,595 จุด บนมุมมองเชิงบวกต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ หลังโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว โดยมีการประเมินเบื้องต้นว่าจะกำหนดการแถลงนโยบายในวันที่ 11 ก.ย. 66 และนัดประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกในวันอังคารที่ 12 ก.ย. 66 ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนเรื่องนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ คือ นโยบายวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย และนโยบายลดราคาขายปลีกน้ำมัน รวมถึงค่าไฟ เป็นต้น นอกจากปัจจัยบวกภายในประเทศแล้วราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของหุ้นในกลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่นด้วย

หุ้นแนะนำวันนี้

  •  Top pick: PSL (ราคาพื้นฐาน 12.5 บาท) มองหุ้น laggard มีอัพไซด์เยอะ เนื่องจากราคาหุ้นถูกกดดันจากความกังวลเศรษฐกิจจีน แต่ประเมินผลประกอบการจะฟื้นตัวแรงในปีหน้ากว่า 200% อีกทั้งระยะสั้นเก็งกำไรบนค่าระวางเรือขนาด Supramax ฟื้นตัวมากกว่า 40% ใน 1 เดือนที่ผ่านมาจากการกลับมา restock สินค้าในกลุ่ม minor bulk รวมถึงสินค้าเกษตรจากความกังวลเรื่องอาหารขาดแคลน (Food shortage) มองมีโอกาสที่ 3Q23 จะไม่ขาดทุน ราคาหุ้นเทรดต่ำ BV ที่ 10.77 บาทต่อหุ้น
  •  Top pick: WARRIX (ราคาพื้นฐาน 13.46 บาท) ระยะสั้นเก็งกำไรบนเทรนการจำหน่ายสินค้าโดยได้รับแรงหนุนจากกระแสการแข่งขันกีฬานัดสำคัญเช่นฟุตบอลคิงส์คัพเมื่อคืน ไทยเฮเฉือนชนะเลบานอน 2-1 อีกทั้งในครึ่งหลังของปี 2566 การจำหน่ายสินค้าคาดจะเร่งตัวขึ้น HoH จากการเป็นช่วงไฮซีซั่นของการขาย มองไปไกลกว่านั้นภาพผลประกอบการคาดโตแรงต่อเนื่องกว่า 16%/34%/40% บนปี 2023-25

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลข GDP ของญี่ปุ่นสำหรับไตรมาส 2/2566 โดยเป็นการประกาศตัวเลขครั้งที่ 2 เพื่อทบทวนและปรับปรุง ตลาดคาดขยายตัว 1.4% QoQ เทียบกับตัวเลขที่ประกาศในครั้งแรกที่ขยายตัว 1.5% QoQ
- Advertisement -