บล.กรุงศรีฯ:

BEVERAGE SECTOR – ราคาหุ้นตกเป็นโอกาสซื้อ (POSITIVE)

ข่าวการที่รัฐบาลอินเดียห้ามส่งออกน้ำตาลตั้งแต่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาน้ำตาลในตลาดโลกพุ่งขึ้น 12.2% ตั้งแต่ 22 สิงหาคม ถึง 9 กันยายนที่ผ่านมา เราประเมินผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มเครื่องดื่มพบว่า CBG จะได้รับผลกระทบมากสุด เนื่องจากต้นทุนน้ำตาลมีสัดส่วนสูงถึง 12% ของ COGS ตามด้วย 6% OSP และ 5% SAPPE เราประมาณการว่าหากราคาน้ำตาลเพิ่ม 10% จะทำให้กำไรหลักของ SAPPE ลดลง 1.3% OSP 3.3% และ CBG 5.1% ในปี 67 อย่างไรก็ดี เรามีมุมมองบวกต่ออุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะไทยเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของโลก และเพียงพอต่อการใช้ในประเทศ ทำให้ราคานํ้าตาลในประเทศไม่ผันผวนเท่าในต่างประเทศ

ราคาเม็ดพลาสติค PET ต้นทุนหลักของ SAPPE อยู่ในขาขึ้น

ถึงแม้ราคาน้ำตาลจะเป็นความเสี่ยง เรามองว่าต้นทุนขวดเป็นต้นทุนที่สำคัญกว่า เนื่องจากมีสัดส่วนสูงถึง 30-45% ของ COGS โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ SAPPE ที่มีต้นทุนขวดเป็นพลาสติค PET (45% ของ COGS) และราคาได้ขึ้นตามราคาน้ำมัน (ต้นทุนของ PET) ที่ได้ขึ้นมาแล้ว 23% ในเดือนที่ผ่านมา และ SAPPE อาจได้ผลกระทบทางลบได้ เราได้พูดคุยกับผู้บริหารและเข้าใจว่าราคาพลาสติคได้มีการล็อคไว้แล้ว โดยมีต้นทุนใน 2H23 ที่ต่ำกว่า 1H23 (WTI ประมาณ 75 เหรียญสหรัฐ) เล็กน้อย ดังนั้นกำไรใน 2H23 จะไม่ได้ผลกระทบจากราคาพลาสติคที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี หากราคาเม็ดพลาสติคสูงขึ้นในปี 2024, กำไรหลักของ SAPPE อาจลดลงได้ เราประมาณว่าทุกๆ 1% ที่ราคา PET ขึ้น จะทำให้กำไรหลักของ SAPPE ลดลง 1.2%

เลือก SAPPE เป็นหุ้นเด่น CBG เป็นหุ้นที่มีโมเมนตัมระยะสั้น

ด้วยราคาหุ้นที่ตกลง 17.8% สำหรับ SAPPE และ 4.7% สำหรับ CBG ในช่วง 10 วันที่ผ่านมา และเรามองว่าราคาหุ้นตกลงมามากเกินไป ทำให้เกิดโอกาสลงทุนใน SAPPE ซึ่งจะมีการเติบโตของรายได้ 20-25% CAGR ในสองสามปีข้างหน้า ในขณะที่มีพีอี แค่ 20x ของปี 24 อย่างไรก็ดีในระยะสั้น เราชอบ CBG เนื่องจากกำไรใน 3Q23F อาจดีกว่าคาด (400-600 ล้านบาท) เพราะการจัดจำหน่ายเบียร์ใน 4Q23 ซึ่งทำให้ CBG ขายขวดและกระป๋องได้ใน 3Q23 และรายได้ส่วนนี้ยังไม่อยู่ในประมาณการของเรา (และเชื่อว่าของนักวิเคราะห์อื่นด้วย) โดยรายได้นี่อาจสูงถึง 68- 136 ล้านบาทใน 3Q23F และหาก CBG มีรายได้จากส่วนนี้อย่างมีนัยสำคัญ อาจทำให้กำไรใน 3Q23F เหนือความคาดหมายของตลาดได้ ดังนั้น CBG จึงเป็นหุ้นโปรดของเราที่คาดว่าจะมีราคาขึ้นได้ดีกว่าตลาดในระยะ 3 เดือนข้างหน้า

- Advertisement -