KS Daily View 15.09.2023 >>> คาดดัชนีปรับตัวขึ้น ได้อานิสงค์ sentiment บวกหลัง ECB ส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ย และ PBOC ลด RRR กระตุ้นเศรษฐกิจ ประเมินกรอบซื้อขาย 1,540/1,555  หุ้นแนะนำ ILM TIDLOR

สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้

  • ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA +0.96%, S&P 500 +0.84%, NASDAQ +0.81%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 เช่น Real estate (+1.71%), Materials (+1.40%), Energy (+1.26%) ขณะที่ Health care (+0.25%), Information technology (+0.70%), Financials (+0.87%)
  • ในประเทศ: SET Index +9.83 pts. หรือ +0.64% ปิดที่ 1,545.14 จุด ตัวขับเคลื่อนหลักสำคัญคือ DELTA (+1.89%), TRUE (+2.84%), ADVANC (+0.91%), KBANK (+1.95%) ขณะที่ CRC (-1.20%), ECGO (-1.88%), HMPRO (-0.74%), AEONTS (-2.34%)

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ: มองดัชนีตลาดปรับตัวขึ้น ตอบรับ sentiment บวกหลัง ECB ปรับขึ้นดอกเบี้ยแต่ส่งสัญญาณอาจเป็นครั้งสุดท้ายในรอบนี้ กอปรกับวานนี้ PBOC ประกาศลด RRR กระตุ้นเศรษฐกิจ มองเป็นอานิสงค์เชิงบวกช่วยหนุน อีกทั้งด้านไทยทางธปท. ผู้ว่าให้สัมภาษณ์เงินเฟ้ออาจปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาพลังงาน แต่การทำนโยบายการเงินอาจมองข้ามประเด็นนี้เพราะราคาน้ำมันมักผันผวน ตีความเหมือนส่งสัญญาณไม่ขึ้นดอกเบี้ยตามเงินเฟ้อจากน้ำมันในรอบนี้ ประเมินเป็นบวกต่อกลุ่มการเงิน (Finance) มองกรอบซื้อขายวันนี้ที่ 1,540/1,555 จุด

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25bps จาก 4.25% เป็น 4.50% เหนือความคาดหมายของตลาดที่มองว่าทาง ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิม โดยการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการปรับเพิ่มขึ้นครั้งที่ 10 ติดต่อกันนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2565 รวมปรับขึ้นทั้งหมด 450bps อย่างไรก็ดี หลังประกาศปรับดอกเบี้ย ค่าเงิน EUR ปรับตัวอ่อนค่าลงแรง เนื่องจากคำแถลงอธิบายจากประธาน ECB นาง Christine Lagarde กล่าวอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันได้มาถึงระดับที่จะสามารถส่งผลมากพอให้อัตราเงินเฟ้อค่อยๆปรับลดลงสู่เป้าหมายของ ECB ได้ในระยะเวลาที่เหมาะสมหรือส่งสัญญาณเชิง Dovish Hike คือทำให้ตลาดตีความว่าการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นสุดท้าย
  2. ธนาคารกลางจีน (PBOC) ปรับลดอัตราส่วนเงินสำรองของธนาคารหรือ RRR (Reserve Requirement Ratio) ลง 25bps เหลือ 7.40% หลังปรับลด RRR ทาง PBOC กล่าวพร้อมใช้มาตรการทางการเงินอย่างเหมาะสมในการดูแลเศรษฐกิจและค่าเงินหยวนให้มีเสถียรภาพรวมถึงการดูแลสภาพคล่องในระบบให้มากพอ ตลาดคาดทางการจีนจะคงมีมาตรการเพิ่มเติมออกมาอีกเพื่อพยุงโมเมนตั้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน
  3. นายเศรษฐพุฒิ สุทธวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าธปท. (BOT) กล่าวให้สัมภาษณ์ มองอัตราเงินเฟ้อยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้ จากราคาพลังงานที่อาจจะกลับมา รวมทั้งจากผลกระทบจากภาวะเอลนีโญ่ ที่จะทำให้ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้นการดำเนินนโยบายการเงินของ ธปท. ต้องยึดจาก Outlook Dependent มากกว่า Data Dependent โดยเป็นการมองข้อมูลในระยะข้างหน้ามากกว่า เพราะถ้าไปปรับนโยบายการเงินตามข้อมูลรายวันที่ออกมา ก็จะทำให้นโยบายแกว่งไปมา มองเป็นการส่งสัญญาณเชิง Dovish หรือลดโอกาสการปรับเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยต่อ ประเมินเป็นบวกต่อ sentiment ตลาด

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ปประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,525 – 1,585 จุด คาดแกว่งตัวรอทิศทางจากพัฒนาการสำคัญเช่น การแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 11-12 ก.ย. และการประชุม ครม.​ ในวันที่ 13 ก.ย.ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนเรื่องนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ นโยบายฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย นโยบายลดราคาพลังงาน เป็นต้น รวมถึงทิศทางดอกเบี้ยของเฟดหลังการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯกับจีน

หุ้นแนะนำวันนี้

  • Top pick: ILM (ราคาพื้นฐาน 30.0 บาท) ผลประกอบการมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและอานิสงค์ทางอ้อมจากภาคการท่องเที่ยว อีกทั้งบริษัทมีการปรับกลยุทธ์ทำให้ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น ประเมินรายได้โตและ GPM ก็ปรับตัวดี หรือเป็นการขยายตัวได้อย่างมีคุณภาพ ด้าน valuation ก็ถูกกว่ากลุ่ม มองดูดีมี upside และแผนขยายธุรกิจในอนาคตที่น่าสนใจ
  • Top pick: TIDLOR (ราคาพื้นฐาน 31.4 บาท) ประเด็นกังวลสถานการณ์เรื่องคุณภาพสินทรัพย์ลดลงหลัง NPL และ credit cost ใกล้แตะระดับสูงสุด ขณะที่ประเมินโมเมนตัมการเติบโตของสินเชื่อกลับมาแข็งแกร่ง ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 3/2566 จะฟื้นตัวขึ้น QoQ และมองไกลกว่านั้นคาดผลประกอบการขยายตัวแรงต่อหนุนจากทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (non-NII) ที่คาดเพิ่มขึ้น อีกทั้งคุณภาพสินทรัพย์ที่ฟื้นตัวจะส่งผลให้ credit cost ลดลง

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันศุกร์ ติดตามตัวเลขดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial production) ของจีนเดือนส.ค. คาดขยายตัว 4% YoY สูงขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 3.7% YoY และตัวเลขค้าปลีกจีน (Retail sales) เดือนส.ค. ตลาดคาดขยายตัว 2.8% YoY เพิ่มขึ้นเมือเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 2.5% YoY ต่อด้วยตัวเลขภาคการผลิต Empire State manufacturing index เดือน ก.ย. ตลาดคาดที่ -10 จุด ดีขึ้นเมือเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -19 จุด และตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (University of Michigan consumer sentiment – UOM) เดือนก.ย. ตลาดคาดทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 69.5 จุด

- Advertisement -