บล.กรุงศรีฯ:
KCG CORPORATION (KCG TB/ KCG.BK)
กลุ่มอุตสาหกรรม | เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร |
หุ้น | KCG |
มูลค่าพื้นฐาน | 12.00 |
คำแนะนำ | HOLD |
เราลดระดับคำแนะนำลงทุนเป็น “ถือ” และปรับราคาเป้าหมายเป็น 12 บาท จากการย้ายปีฐานการทำวาลูเอชั่นเป็นปี 24 โดยที่ไม่ได้มีการปรับประมาณการใดๆ เรามองว่าการที่ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้น 13% เป็นการปรับตัวที่ร้อนแรง ในขณะที่พื้นฐานของหุ้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง เรายังชอบ KCG เนื่องจากมีผลิตภันฑ์ที่มียี่ห้อที่เป็นที่รู้จักและเชื่อถือในประเทศไทย และยี่ห้อหลายยี่ห้อ (เช่น เนย Allowrie) เป็นยี่ห้อที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และสามารถเติบโตได้เป็นอย่างดีกับแนวโน้มความเป็นเมืองและการบริโภคอาหารตะวันตก อย่างไรก็ดี ยังมีความกดดันด้านต้นทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการที่เงินบาทเริ่มอ่อน เพราะ KCG ต้องนําเข้าสินค้าประมาณ 50% ของ COGS.
เงินบาทอ่อนอาจมีผลกระทบต่อกําไร
เนื่องจาก KCG นำเข้าผลิตภัณฑ์ประมาณ 50% ของ COGS ดังนั้นเงินบาทที่อ่อนตัวลงอาจส่งผลกระทบต่อ gross margin และกำไรหลัก โดยในระยะ 1.5 เดือนที่ผ่านมา เงินบาทได้อ่อนค่าลงประมาณ 5.5% และเราประเมินว่าทุก 1% ที่อ่อนค่าลงจะมีผลต่อกำไรหลักของ KCG 0.75%
กำไรหลักโต 14% ในปี 24 หลักๆ มาจากยอดขาย
เราคาดว่ารายได้จะโต 10% ในปี 24 โดยมาจากยอดขายที่เติบโตตามธรรมชาติ (organic growth) และจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ (เช่น บิสกิตแพ็คเล็กและเนยแข็ง ที่สามารถปิ้งย่างได้ในอุณหภูมิสูง) อย่างละเท่าๆ กัน ในแง่ของ gross margin เราคาดว่าอาจไม่มีการขยายในปี 24 หลังจากขยายตัว 0.7 ppt ในปี 23 เพราะความ กดดันเรื่องต้นทุน (เช่น น้ำตาล) ยังมีอยู่
ใช้วิธี DCF ราคาเป้าหมาย 12 บาท ความเสี่ยงหลักคือราคาต้นทุนวัตถุดิบ
เราใช้วิธี DCF, ที่มี WACC 8.19%, terminal growth 3.5% เราชอบที่ KCG เป็นผู้นำในตลาดอาหารตะวันตก และมีกลยุทธ์ในการเติบโตผ่านนวัตกรรม KCG เทรดที่พีอี 17.4 เท่าซึ่งไม่แพงเมื่อเทียบกับพื้นฐาน แต่ก็ยังมีความท้าทายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้นทุนที่อาจสูงขึ้นจากเงินบาทอ่อน