บล.ฟิลลิป:

บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ – BTS ช่วงที่เหลือฟื้นจาก VGI และบ.ร่วมขาดทุนดีขึ้น

Key Point

1Q67 แม้จะขาดทุนสูง แต่ช่วงที่เหลือคาดจะฟื้นตัวดีขึ้นจาก VGI ที่แนวโน้มอัตราการขายสื่อโฆษณาดีขึ้นตามผู้โดยสารที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมคาดจะลดลงตามรายการพิเศษและการตั้งสำรอง ส่วนสายสีเหลืองที่เปิดไปแล้ว และสายสีชมพูที่จะเปิด ธ.ค. นี้ คาดจะขาดทุนจากจำนวนผู้โดยสารที่ต่ำกว่าจุดคุ้มทุน ปรับราคาพื้นฐานลงเป็น 8.90 บาท ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

2Q67 แนวโน้มฟื้นตัว หลังคาดขาดทุนรายการพิเศษลดลง

1Q67 ที่ขาดทุน 772 ล้านบาท หลักใหญ่มาจากการรับรู้ขาดทุนจากบริษัทร่วม หากไม่รวม BTS จะขาดทุน 127 ล้านบาท ภาพใน 2Q67 คาดฟื้นตัวดีขึ้น q-q แต่ยังลดลง y-y รายได้จากงานก่อสร้างรถไฟฟ้าลดลง เพราะสายสีเหลืองเปิดแล้ว คงเหลือแต่สายสีชมพูที่เตรียมเปิด แต่คาด VGI อัตราการขาย (U Rate) สื่อโฆษณาคาดสูงขึ้นจาก 1Q67 และส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมคาดดีขึ้น เนื่องจาก 1Q67 RABBIT มีการด้อยค่าเงินลงทุนใน SINGER ที่ 1,554 ล้านบาท และรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก SINGER อีก 583 ล้านบาท ทำให้ RABBIT ขาดทุน 1,811 ล้านบาท เช่นเดียวกับ JMART ที่รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก SINGER ที่ 604 ล้านบาท ทำให้ JMART ขาดทุน 611 ล้านบาท และ KEX ขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 1,048 ล้านบาท ซึ่งรายการพิเศษจากบริษัทร่วมคาดจะลดลง โดยเฉพาะจาก SINGER ที่มีการตั้งสำรอง NPL ไปมากแล้ว และ BTSGIF ที่คาดส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นตามผู้โดยสารที่ฟื้นตัว  รวมถึงคาดใน 2H67 จะดีกว่า 1H67 จากการฟื้นตัวของ VGI และบริษัทร่วมต่าง ๆ ที่มีต่อเนื่อง

สายสีเหลืองผู้โดยสารต่ำกว่าบริษัทคาด และเตรียมเปิดสายสีชมพู

กรมการขนส่งทางรางได้เปิดเผยผู้ใช้บริการสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) หลังเก็บค่าโดยสารตั้งแต่ 3 ก.ค. – 4 ก.ย. 66 มีผู้ใช้บริการเฉลี่ยต่อวันที่ 36,040 คน ซึ่งต่ำกว่าที่ BTS คาดไว้ราว 1 แสนคน/วัน ทำให้ช่วงแรกสายสีเหลืองขาดทุน ต้องใช้เวลาให้ผู้โดยสาร ramp up ในขณะที่สายสีชมพู (แคราย-มีน บุรี) จะเปิดให้ประชาชนขึ้นฟรี 1 เดือน ตั้งแต่กลาง พ.ย. 2566 และเปิดเต็มระบบตั้งแต่ 18 ธ.ค. คง ต้องดูตัวเลขผู้โดยสาร เพราะสายสีชมพู BTS คาดผู้โดยสารที่ 1 แสนคน/วัน อย่างไรก็ตาม การเปิดดำเนินการของสายสีเหลืองและสีชมพูจะไม่ส่งผลต่อสภาพคล่อง เพราะ รฟม. จะทยอยคืนค่าก่อสร้าง ปีละ 4.76 พันล้านบาท (สีเหลือง 2.51 พันล้านบาท และสีชมพู 2.25 พันล้านบาท) ในช่วง 10 ปีแรก

นโยบาย “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ยังต้องใช้เวลาและต้องดูเงื่อนไขในการชดเชย

นโยบาย “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ของรัฐบาลนายกฯเศรษฐา ยังต้องใช้เวลา เพราะปัจจุบันมีผู้ดำเนินการโครงการหลายหน่วยงาน ทั้งของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในสายสีแดง การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในสายสีม่วงที่ BEM ได้สัญญาบริหารการเดินรถไฟฟ้า สายสีน้ำเงินที่ BEM ได้สัมปทาน สายสีเหลืองและสีชมพูที่ BTS ได้สัมปทาน และกรุงเทพมหานครใน สายสีเขียว ซึ่ง BTS ได้สัมปทานในเส้นทางหลักและเดินรถไฟฟ้าในส่วนต่อขยาย ซึ่งหากเป็นโครงการของรัฐน่าจะสามารถดำเนินการได้ก่อนตามที่ รมว.คมนาคม แถลง คือ สายสีม่วงและสีแดง ซึ่งก็ต้องมีการชดเชยเช่นกัน ส่วนที่เป็นสัมปทานเอกชนสายสีน้ำเงินของ BEM และสีเขียวของ BTS ต้องมีการเจรจาการชดเชยส่วนต่าง เพราะค่าโดยสารเฉลี่ยของ BEM และ BTS ใน 2Q66 อยู่ที่ 27.3 บาท และ 34.1 บาท/เที่ยว ตามลำดับ รวมถึงสายสีเหลืองและสีชมพูของ BTS คงต้องติดตามเงื่อนไขของการ ชดเชย รวมถึงในอนาคตที่ผู้โดยสารเติบโตและการปรับขึ้นค่าโดยสารจะชดเชยอย่างไร คงไม่ได้ข้อสรุปในช่วงสั้น

ปรับคาดการณ์กำไรปีนี้ลง รวมถึงปรับราคาพื้นฐานลงเป็น 8.90 บาท ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

1Q67 แม้จะขาดทุนสูง แต่ช่วงที่เหลือคาดว่าจะดีขึ้น จากการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุน/กำไรจากบริษัทร่วมที่ดีขึ้น รวมถึง VGI ที่แนวโน้มธุรกิจฟื้นตัว ปรับคาดการณ์รายได้ปีนี้เป็น 16,707 ล้านบาท -8.8% และปรับกำไรลงเป็น 901 ล้านบาท 50.9% y-y บนวิธี SOTP ที่ได้ปรับราคาพื้นฐานของ VGI ลงเป็น 3 บาท และปรับมูลค่าเงินลงทุนอื่น ๆ ทำให้ราคาพื้นฐานปรับเป็น 8.90 บาท ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” คาดการณ์ยังไม่รวมสายสีเหลืองและชมพู เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลเพียงพอในการประเมิน

ความเสี่ยง

  1. อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ / อัตราดอกเบี้ย / สภาพคล่อง
  2. นโยบายลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐฯ
  3. การลงทุนในโครงการใหม่ที่อาจไม่เป็นไปตามแผน

 

- Advertisement -