Our View? “ยังอยู่ในแนวโน้มขาลง”
คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่ 1,515-1,520 จุด และแนวต้านที่บริเวณ 1,540 จุด โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ปรับตัวลงเล็กน้อย ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 6 จุด โดยนักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 19-20 ก.ย. ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะประชุมนโยบายการเงินในวันพฤหัสบดีที่ 21 ก.ย. และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะประชุมนโยบายการเงินในวันศุกร์ที่ 22 ก.ย. ส่วนธนาคารกลางจีนจะประกาศอัตราดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดี (LPR) ในวันพุธที่ 20 ก.ย.นี้
เรามองว่าในการประชุม FOMC ในวันที่ 19-20 ก.ย. นี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) คาดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อย่างไรก็ตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังแข็งแกร่ง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในช่วงเดือน ก.ย. นี้ คาดจะเป็นแรงกระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อในระยะถัดไป และอาจทำให้ FED ยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไปอีกระยะ
ในขณะที่ราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ต.ค. ปรับตัวขึ้น 0.71 USD/bbl มาอยู่ที่ 91.48 USD/bbl หลังจาก IEA คาดการณ์ว่าการที่ชาอุดิอาระเบียขยายเวลาปรับลดการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันจนถึงสิ้นปีนี้ และรัสเซียขยายเวลาปรับลดการส่งออกนํ้ามันดิบ 300,000 บาร์เรลต่อวัน จนถึงสิ้นปีนี้ จะส่งผลให้ภาวะตลาดน้ำมันตึงตัวไปจนถึง 4Q/66 นี้ โดยยังได้รับแรงหนุนหลังจาก EIA คาดการณ์การผลิต Shale Oil ในสหรัฐฯ จะลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และยังได้รับแรงหนุนจากรายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนขยายตัว 4.5% ในเดือน ส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่วนยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 4.6% ในเดือนส.ค. และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจเพิ่มขึ้น 3%
ทั้งนี้เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางหุ้นในกลุ่มขนส่งทางเรือ (PSL) ที่คาดจะได้รับแรงหนุนจากการเข้าสู่ช่วงของการ Restocking ก่อนหยุดปลายปี โดยเราเห็นค่าระวางเรือ (BDI) ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องติดต่อกัน เป็นวันที่ 9 เช้านี้อยู่ที่ระดับ 1,439 จุด สูงสุดในรอบ 4 เดือน
ค่าการกลั่นยังอยู่ในระดับสูง ล่าสุดอยู่ที่ 12 USD/bbl โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลที่ค่าการกลั่นอยู่ในระดับสูงที่ 33 USD/bbl จากการขาดแคลนน้ำมันดีเชล ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มโรงกลั่นเช่น TOP, BCP และ ESSO
สําหรับปัจจัยภายในประเทศ นักลงทุนยังคงติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ คาดจะดำเนินมาตรการใหญ่ได้ภายในช่วง 1Q/67 หรือภายในเดือน ก.พ. 67
เรายังคงมุมมองบวกสำหรับการท่องเที่ยวไทย หลังจากรัฐบาลมีนโยบายฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีน-คาซัคสถานชั่วคราว 5 เดือนจาก 25 ก.ย.66 – 29 ก.พ.67 ประกอบกับช่วงต้นเดือน ต.ค. เป็นช่วงวันหยุดยาวของจีน และจะเข้าสู่ช่วง high season ของการท่องเที่ยวในช่วง 4Q/66 ในขณะที่นโยบายกระทรวงการ ท่องเที่ยวตั้งเป้านักท่องเที่ยวปี 2567 อยู่ที่ 40 ล้านคน ใกล้เคียงช่วงก่อนโควิด เรามองเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม-สายการบิน-โรงพยาบาล (ERW, SPA, AAV, BA, BH และ EKH)
รัฐบาลมีนโยบายลดค่าไฟฟ้าลงอีกครั้งเป็น 3.99 บาทต่อหน่วย คาดส่งผลลบต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า SPP เช่น BGRIM และ GPSC
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนําวันนี้ “BCP”
คาด BCP จะได้รับประโยชน์จากค่าการกลั่นตลาดสิงคโปร์ล่าสุดเพิ่มขึ้นโดดเด่นมาที่ 12 USD/bbl และราคา น้ำมันดิบที่สูงขึ้นจะส่งผลให้มีกำไรจากสต็อกน้ำมัน ส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น ในขณะที่การเข้าซื้อกิจการ ESSO ยังคงเป็นไปตามแผน และคาดคาด EBITDA Synergy กว่า 3,000 ล้านบาท จาก 1) การดำเนินงานของโรงกลั่นทั้ง 2 แห่ง กำลังการกลิ่นรวม 294 kbd คาดว่าจะสามารถเพิ่ม utilization rate ของโรงกลั่นศรีราชาขึ้นเป็น 160 kbd 2) การใช้ระบบ logistic และการตลาดร่วมกัน และ 3) ต้นทุนที่จะลดลงจากการปรับโครงสร้างการบริหารและการใช้ back office ร่วมกัน ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2566 อยู่ที่ 47.00 บาท (P/E = 8.0) ยังคงแนะนำ “ซื้อ”