ไร้แรงกระตุก SET / 1,515-1,535

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET แกว่งตัวในกรอบอิงทางลง: โดยถูกกดดันจากความกังวลภาวะเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มกลับมาเร่งตัวตามราคาพลังงานโลกที่ปรับตัวขึ้น สอดรับกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8% สู่ระดับ $91.48 ต่อบาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว หลัง EIA คาดว่าการผลิต Shale Oil ในภูมิภาคต่างๆ ของสหรัฐฯจะลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนต.ค. และแตะที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. โดยการเร่งตัวของเงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดและธนาคารกลางหลักเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือคงไว้ในระดับสูง ทั้งนี้ติดตามการประชุม FOMC ซึ่งจะทราบผลในวันที่ 21 ก.ย. (ตามเวลาไทย) โดยน้ำหนักหลักอยู่ที่การคงดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50% อย่างไรก็ดี ติดตาม Dot plot และถ้อยแถลงของปธ.เฟด  ซึ่งอาจเผยให้เห็นถึงแนวโน้มศก.สหรัฐฯและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด นอกจากนี้ SET Index ยังคงถูกกดดันจากการไหลออกของ Fund flow สอดรับกับนักลงทุนต่างชาติที่ขายสะสม MTD และ YTD ที่ 1.49 หมื่นลบ. และ 1.50 แสนลบ. ตามลำดับ ขณะที่หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าคาดถูกกดดันจากการที่ครม.มีมติรับทราบลดค่าไฟฟ้าเพิ่มอีก 11 สต./หน่วย เหลือ 3.99 บาท/หน่วย จากเดิม 4.10 บาท/หน่วย โดยมีผลในรอบบิลไฟฟ้าเดือนก.ย. 66 ในทางกลับกันการลดค่าไฟฟ้าเป็นการลดภาระค่าครองชีพแก่ประชาชนและหนุนกำลังซื้อของผู้บริโภค คาดเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นในกลุ่มจับจ่ายใช้สอยและเกี่ยวเนื่อง นอกจากนี้ คาดแรงพยุงของ SET Index จะมาจากหุ้นในกลุ่มพลังงานต้น-กลางน้ำตามการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบ ขณะที่วันนี้ติดตามการรายงานเงินเฟ้อเดือนส.ค. (ครั้งที่ 2) ของยูโรโซน (ตลาดคาด CPI ขยายตัว 5.3% y-y เท่ากับใน เดือนก.ค. และขยายตัว 0.6% m-m จากหดตัว 0.1% mm ในเดือนก.ค.) ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงทิศทางนโยบายการเงินของ ECB
  • กลยุทธ์การลงทุน : 1) Spending+ท่องเที่ยว: ADVANC, BA, CBG, CENTEL, ERW, TRUE 2) Defensive play: BCH, BCPG, BH, CHG 3) Commodities play: BCP, PSL, PTTEP, TTA และ 4) Short sell: BGRIM, CK, GPSC, STEC

ปัจจัยบวก

  • โฆษกสํานักนายกฯเผยสนามบินเชียงใหม่จะเริ่มเปิดให้บริการได้ 24 ชม.ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการวีซ่าฟรี
  • กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเผยผลประชุมเจรจาจัดทำ FTA ไทย – เอฟตา รอบที่ 6 คืบหน้าตามเป้า ตั้งเป้าสรุปผลกลางปี 67 สําหรับผลการศึกษาประโยชน์และผลกระทบจากการจัดทำ FTA คาดจะส่งผลให้ GDP ไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.20% และการส่งออกเพิ่มขึ้น 3.8%
  • จีนให้คำมั่นว่าจะเพิ่มการซื้อสินค้าจากประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังการเติบโตทางการค้าโดยรวมชะลอตัวลง เนื่องจากอุปสงค์ที่อ่อนแรงลงทั้งในระดับโลกและในประเทศ
  • Goldman Sachs ลดคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยสุดท้ายของ BoE ลง 0.25% สู่ระดับ 5.5% หลังคาดการณ์ว่า BoE จะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่การประชุมเดือนพ.ย. จากเดิมที่เคยคาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งดังกล่าว

ปัจจัยลบ

  • สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดประมาณการการเติบโตทางศก.ของไทยในปี 66 ลงจาก 4.2% มาอยู่ที่ 3.3% และในปี 67 ลดลงจาก 4.5% เหลือ 4.2%
  • Pitchbook กลุ่มธุรกิจร่วมลงทุนในจีน ได้ใช้เม็ดเงินลงทุนจำนวน  2.67 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐผ่านข้อตกลง 3,072 รายการ ในช่วง 1H66 ซึ่งลดลง 31.4% y-y และคาดว่าจะลดลงต่ำกว่าปี 59
  • Make UK คาดภาคการผลิตในอังกฤษจะ -0.5% ในปี 66 ซึ่งย่ำแย่กว่าที่คาดเมื่อเดือนมิ.ย.ว่าจะลดลงเพียง -0.3% เนื่องจากได้รับผลกระทบอย่างหนักจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ภาวะค่าครองชีพสูง และตลาดต่างประเทศชะลอตัวลง
  • ก.กลาโหมไต้หวันเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่ากองทัพจีนได้ส่งเครื่องบินรบจำนวน 103 ลำมุ่งหน้ามายังเกาะไต้หวัน ภายในระยะเวลาเพียง 24 ชม. ซึ่งนับว่ามากที่สุดนับตั้งแต่มีการเริ่มบันทึกสถิติรายวันเมื่อไม่นานมานี้

PICKS OF THE DAY

BCH BUY

  • เป้าหมาย 20.00/20.50 แนวรับ 18.70/19.00
  • มีแนวโน้มการปรับประมาณการรายได้ขึ้น: ใน2Q66 รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติโต 34.2%y-y จากการฟื้นตัวของกลุ่มตะวันออกกลางและCLMV โดยทางบริษัทมีจำนวนผู้ป่วยต่างชาติใน 1H66 แล้วกว่า 62,023 คน โต 75% y-y โดยตั้งเป้าทั้งปี66ที่ 1แสนคน และมีรายได้ใน 1H66 ที่ 5,523 ลบ. จากเป้าที่ตั้งไว้ทั้งปี 66 ที่ 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท
  • คาด 3Q66 รายได้ยังคงโต q-q: จากการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกและไข้หวัดใหญ่ในช่วงเดือนก.ค.- ส.ค.66 ร่วมกับการฟื้นตัวของกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มตะวันออกกลางที่พ้นจากช่วงรอมฎอน

BGRIM Short

  • เป้าหมาย 29.00/30.00 แนวรับ 31.50/32.00
  • ลดค่าไฟกระทบกำไร: วันที่ 18 ก.ย. ครม.มีมติลดค่าไฟ 0.11 บาท/หน่วย เหลือ 3.99 บาท/หน่วย เป็นการลดครั้งที่ 2 จากที่ลดเหลือ 4.10 บาท/หน่วย ในวันที่ 13 ก.ย. โดยคาดว่าจะเป็นการลดค่าไฟผ่านกลไกค่า Ft ทั้งนี้ทางฝ่ายมองว่าระยะสั้นราคาหุ้นมีโอกาสได้รับผลกระทบในระหว่างรอความชัดเจน โดยทุก 1 สตางค์ที่มีการลดค่า Ft จะส่งผลต่อกำไรบริษัท 21 ลบ./ปี
  • ปลายปีต้นทุนก๊าซอาจเพิ่ม: ต้นทุนก๊าซได้รับปัจจัยกดดันทั้งในประเทศจากแหล่งเอราวัณที่เลื่อนการเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 600 MMSCFD จาก 1 ธ.ค.66 ออกไปประมาณ 2 เดือน และจากต่างประเทศ เนื่องจากราคานำเข้า LNG อาจเพิ่มขึ้นจากการหยุดงานประท้วงของพนักงานโรงงาน LNG ในออสเตรเลีย
- Advertisement -