MARKET STRATEGY
สรุปตลาดวานนี้ SET ปิ๊ดที่ 1,527.57 จุด ลดลง 14.46 จุด (-0.94%) มูลค่าซื้อขาย 42,566.65 ล้านบาท ปรับลง ตามตลาดภูมิภาค ทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐ โดยไทยรับแรงขายกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ถูกกดดันจากรัฐบาลลดค่าไฟลงอีกรอบ
Research Highlight: ติดตามประชุมเฟด // SET หลุด 1530 เป็นโมเมนตัมลบ
ครม.มีมติปรับลดค่าไฟต่อเนื่องเหลือหน่วยละ 3.99 บาท/หน่วย
- ที่ประชุมครม.และก.พลังงานมีมติเห็นชอบปรับลดค่าไฟลงต่อเนื่องเหลือ 3.99 บาท/หน่วย ในงวด ก.ย.-ธ.ค. 56 เป็นการปรับลดต่อเนื่องจากเดิม 4.45 บาท/หน่วย
- มองเป็นลบต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าระยะสั้นที่มีพอร์ท SFP ในสัดส่วนที่สูง ซึ่งราคาของบางหุ้นในกลุ่มปรับตัวลงต่ำกว่าช่วงหลังเลือกตั้งไปแล้วเช่น EGCO RATCH BGRIM อย่างไรก็ดี เราชอบ GULF ที่มีพอร์ท IPP สูง และมีการ Diversify รายได้ที่ดีกว่ากลุ่ม นอกจากนี้เรายังชอบกลุ่มที่แนวโน้มต้นทุนไฟฟ้าที่จะลดลงเช่นกลุ่มศูนย์การค้า โรงแรม ร้านค้าปลีก ร้านอาหาร สื่อสารเราแนะนำ CRC CPN BJC CENTEL ERW CPALL CPAXT AUM CBG TRUE ADVANC
จับตาการประชุมเฟด คาดคงอัตราดอกเบี้ย
- เฟดจะแถลงมติการประชุมในวันพุธที่ 20 ก.ย.ตามเวลาสหรัฐ โดยล่าสุดนักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมครั้งนี้ และให้น้ำหนัก 69% ที่เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมในการประชุมเดือนพ.ย.
- ทั้งนี้จะต้องติดตามถ้อยแถลงของพาวเวลว่าจะมีท่าทีที่ผ่อนคลายนโยบายการเงินลงหรือไม่ รวมถึงคาดการณ์ Dot plot ของคกก.เฟด รวมถึงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อจะเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างไร
สัปดาห์นี้ ติดตาม
- EU : ชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ส.ค. // รายงานการประชุมของ BOE
- US: รายงานการประชุมของ FED การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย // จํานวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก // ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ เดือน ก.ย.
- JP : รายงานการประชุมของ BOJ
Investment Strategy
- ประเมิน SET ยังคงโมเมนตัมลบหลังหลุดกรอบแนวรับ trading ที่ 1530 ระยะสั้นรอเล่นรอบใหม่ที่ 1518 เป็นจุดพิจารณา แนวต้าน 1530/1542 หากรับความเสี่ยงได้แนะนำ selective buy หุ้นรายตัวที่ราคาปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับ แต่หากรับความเสี่ยงไม่ได้ แนะนํา wait and see
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิทั้งในตลาดหุ้น อนุพันธ์ และตราสารหนี้ เรามองกว่าเป็นการปรับพอร์ทเพื่อรอผลการประชุมเฟด และผลลัพธ์ของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
- ประเมินกลุ่มเดินเรือยังได้ประโยชน์จากแนวโน้ม BDI ที่ปรับตัวขึ้น จากทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นทั้งราคาน้ำมันดิบ ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ ผสานตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่มีทิศทางดีขึ้น คาดจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้อุปสงค์การขนส่งสูงขึ้นต่อเนื่อง เราชอบ LEO PSL TTA PTTEP PTTGC BCP TOP SPRC BANPU
Global Markets
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกเล็กน้อย ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงิน ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ รวมทั้งการพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณในสภาคองเกรสสหรัฐ
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ โดยปรับตัวลงมากที่สุดในรอบกว่า 1 เดือน โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มรถยนต์ และชิ้นส่วนรถยนต์ ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังในการซื้อขาย ขณะรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในสัปดาห์นี้
(-) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดลบ โดยการร่วงลงของหุ้นธนาคารโซซิเอเต้ เจเนเรสของฝรั่งเศสกดดันตลาด หลังนักลงทุนผิดหวังกับการเปิดเผยแผนกลยุทธ์ของซีอีโอคนใหม่ นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในสัปดาห์นี้
(+) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดบวก เนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
หุ้นเคาะไป คุยไป… CRC
- แนวโน้ม 3Q66F ประเมิน SSSG ทรงตัวค่อนไปทางลบ จาก 1. สถานการณ์การเมืองในประเทศที่มีความไม่แน่นอน ส่งผลต่อการใช้จ่ายของประชาชน และเข้าสู่ช่วงฤดูฝนกดดันยอดขาย 2. ภาวะเศรษฐกิจของเวียดนาม ที่ชะลอตัว กระทบต่อกลุ่ม domestic consumption แต่ทั้งนี้ต้องติดตามการประกาศลด VAT เหลือ 8% จะช่วยหนุนยอดขายได้มากแค่ไหน และ 3. ฐานที่สูงใน 2Q ในอิตาลี อย่างไรก็ดีเชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นใน 4Q66 ที่เป็นช่วงพีคของปีในการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้า หนุนด้วยกลุ่มแฟชั่นที่มี GPM สูง รวมถึงต้นทุนค่าไฟมีแนวโน้มลดลง ซึ่งล่าสุดครม. เห็นชอบค่าไฟฟ้างวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.66 ในอัตราไม่เกินหน่วยละ 3.99 บาท ขณะที่ Bloomberg ประเมินรายได้ปีนี้เท่ากับ 2.42 แสนล้านบาท (+10%YoY) และกำไรสุทธิเท่ากับ 8.6 พันล้านบาท (+27%YoY) มีราคาเป้าหมายที่ 50.44 บาท
- สำหรับแผนธุรกิจจะมีการเปิดตัวธุรกิจค้าส่งอาหาร Go Wholesale เพื่อเป็น New Growth Engine ให้กับกลุ่ม CRC ที่จะเติมเต็มกลุ่มฟู้ดให้เป็น Total Solution อย่างไรก็ดีตลาดให้ความกังวลเรื่องการแข่งขันที่รุนแรงมากกว่า synergy ที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจโรงแรมและกลุ่มร้านอาหาร ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายยอดขายภายใน 5 ปี อยู่ที่ 6-7 หมื่นล้านบาท ส่วนแนวโน้มธุรกิจของ CRC ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้คาดว่ายอดขายจะเติบโตขึ้นในไฮซีซั่นที่เข้าสู่ช่วง เทศกาลและการท่องเที่ยว ทำให้มีการจับจ่ายคึกคัก ส่งผลบวกต่อบริษัท และประเมินยอดขายรวมของ CRC ในปี 66 เติบโตได้ตามเป้าหมาย 12-15%