วันนี้คาดตลาด “แกว่งลงต่อ”

แนวรับ 1,507 / 1,500 แนวต้าน 1,515 / 1,522 ผลการประชุม FOMC เมื่อคืนนี้คงอัตราดอกเบี้ยตามคาด แต่ส่งสัญญาณจะขึ้นอีก 1 ครั้ง ขณะที่ Dot Plot ในปีหน้าปรับตัวขึ้น สะท้อนถึงการใช้อัตราดอกเบี้ยระดับสูงยาวนาน / น้ำมันวกตัวลง กระตุ้นแรงขายหุ้นในกลุ่มพลังงาน / TH-Bond Yield ปรับตัวขึ้นต่อเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อตลาดหุ้นไทย

Our View? “ยังไม่จบง่ายๆ”

คาดตลาดวันนี้ “แกว่งลงต่อ” มองแนวรับที่บริเวณ 1,507/1,500 และแนวต้านที่บริเวณ 1,515/1,522 เมื่อคืนนี้ที่ประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.25-5.50% ตามที่ตลาดคาด แต่คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ในปีนี้ยังอยู่ที่ระดับ 5.625% ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเตรียมขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งภายในปีนี้อีก 0.25% สู่ระดับ 5.50-5.75% เราคาดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเห็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวในการประชุมเดือนพ.ย. จากทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งกว่าที่ FED และตลาดคาดไว้ โดย FED ปรับเพิ่มคาดการณ์ขยายตัว GDP สหรัฐปี’66 สู่ระดับ 2.1% จากคาดการณ์ก่อนหน้าที่ระดับ 1.0% ขณะที่คาดการณ์เงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ระดับ 2.0% ในปี’69 ช้ากว่าที่ FED คาดไว้มาก บ่งชี้ถึงแนวโน้มในการที่ FED อาจใช้อัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานต่อไป สอดคล้องกับ Dot Plot ของ FED ในปี’67 และปี’68 ค่ากลางปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 5.125% และ 3.875% ตามลำดับ ทางด้านการเคลื่อนไหวของ Dollar Index ปรับตัวขึ้นพยายามทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง เช้านี้อยู่ที่ระดับ 105.3+/- เช่นเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (US-Bond Yield) รุ่นอายุ 10 ปี เช้านี้อยู่ที่ระดับ 4.44%+/- ทำจุดสูงสุดใหม่ ส่งผลให้ต้นทุนเงินทุนระยะยาวสูงขึ้นต่อเนื่อง และสะท้อนภาวะ Risk-off ของตลาด คาดจะกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้ต่อ

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ต.ค. อ่อนตัวลงปิดที่ระดับ 86.66 ดอลลาร์/บารเ์รล -0.82 ดอลลาร์ (-0.91%) คาดยังคงเผชิญแรงขายทำกำไรหลังราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นได้ดีก่อนหน้า ขณะที่การส่งสัญญาณใช้นโยบายดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไป คาดจะกระตุ้นความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐ -โลกชะลอตัวลง คาดจะกระตุ้นความกังวลถึงอุปสงค์น้ำมันอ่อนแอลงได้บ้าง คาดจะกดดันทิศทางหุ้นในกลุ่มพลังงานอ่อนตัวลงถ่วงตลาดได้เพิ่มเติม

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ เราคาดว่าตลาดยังมีปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะกรณีการออกดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท ว่าจะหาแหล่งเงินทุนจากที่ใด อย่างไรก็ตาม เรายังมีความกังวลเกี่ยวกับการออกนโยบายดังกล่าว คาดจะส่งผลให้ฐานะการคลังของประเทศอ่อนแอลง คาดระดับหนี้ของรัฐบาลจะสูงขึ้น โดยเราเห็นแรงขายพันธบัตรไทยต่อเนื่อง ล่าสุดอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยรุ่นอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 3.17%+/- ทำจุดสูงสุดใหม่ จากความกังวลในการออกพันธบัตรมากขึ้นในช่วงปีหน้า คาดกดดันทิศทางตลาดหุ้นไทยในมุมมองเชิง เปรียบเทียบอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์เสี่ยง/สินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่แนวทางในการที่กระทรวงการคลังอาจลดสัดส่วนการถือหน่วยลงทุนในกองทุนวายุภักษ์เพื่อหางบประมาณสำหรับการออกมาตรการดังกล่าว แม้ยังมีความไม่แน่นอน แต่คาดเป็นปัจจัย Overhang หุ้นในกลุ่มที่กองทุนวายุภักษ์ถืออยู่ อาทิ (PTT, SCB, TTB, KTB และ BCP) รวมทั้งยังเป็นปัจจัยกดดัน-จำกัด Upsideของ ตลาดหุ้นไทยได้ต่อ โดยเรายังคงเห็นนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยต่อเนื่อง รวมทั้งอยู่ในสถานะ Short SET50 Index Futures สอดคล้องกับค่าเงินบาทเช้าน้ี อ่อนค่าทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 36.20+/- บาท/ดอลลาร์สหรัฐ มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย อีกทั้ง Valuation ของตลาดหุ้นไทยยังตึงตัว จากคาดการณ์ EPS ล่าสุดจาก Bloomberg Consensus ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 90.0+/- ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังไม่ค่อยมีความน่าสนใจ

ในส่วนของประเด็นการพูดถึงการเปลี่ยนผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ทำได้ค่อนข้างยาก และคาดจะลดความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยไทยอาจอยู่ในช่วงสุดท้ายเช่นเดียวกัน คาดจะกดดันทิศทางหุ้นในกลุ่มธนาคารอ่อนตัวลงถ่วงตลาดหุ้นไทยได้

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “III”

  • คาดจะได้รับจิตวิทยาเชิงบวกจากอุปสงค์ความต้องการขนส่งสินค้าเพิ่มมากขึ้นก่อนวันหยุดในช่วงปลายปี ขณะที่ III ยังอยู่ในช่วงของการซื้อหุ้นคืนตามแผนที่ 25 ล้านหุ้น คาดเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางราคา III ได้ต่อ
  • ทางเทคนิค ราคาอยู่ในกรอบขาขึ้นอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับที่ EMA200วัน แล้วพยายามฟื้นตัวขึ้น แต่ MACD และ SSTO ยังอ่อนกำลังอยู่ แนะนำ “ทยอยซื้อสะสม”
  • กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 12.70 / 12.40 Target 13.80 / 14.20 Stop <12.30

- Advertisement -