บล.บัวหลวง: 

Asset Management ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ที่ไม่มีหลักประกันจะขยายตัวต่อเนื่องในครึ่งหลังของปี 2566

เราคาดว่ากลุ่มบริหารสินทรัพย์จะได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เราคาดว่าธุรกิจบริหารสินทรัพย์ที่ไม่มีหลักประกันจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าธุรกิจบริหารสินทรัพย์ที่มีหลักประกัน ปัจจุบันเราแนะนำ “ซื้อ” เพียงหุ้น JMT

รับประโยชน์ทางอ้อมจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

เราคาด GDP ของประเทศไทยเติบโตที่ 2.7% ในปี 2566 และ 3.8% ในปี 2567 โดยได้รับแรงหนุนจากจํานวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและการฟื้นตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภค เราคาดว่า GDP จะเติบโตเร็วขึ้นในช่วงไตรมาส 4/66 ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2567 มาตรการกระตุ้นของรัฐบาลชุดใหม่ (การปรับลดราคาค่าไฟฟ้าการแจกเงินสดในกระเป๋าเงินดิจิทัลมูลค่า 10,000 บาท และการพักชำระหนี้ของเกษตรกร) จะหนุนอำนาจการใช้จ่าย ในขณะที่ฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนจะช่วยเพิ่มรายได้ของลูกหนี้ด้อยคุณภาพในกลุ่มท่องเที่ยว

ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ที่ไม่มีหลักประกันจะฟื้นตัวเร็วกว่าธุรกิจบริหารสินทรัพย์ที่มีหลักประกัน

เราคาดว่าธุรกิจบริหารสินทรัพย์ที่ไม่มีหลักประกันจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าธุรกิจบริหารสินทรัพย์ที่มีหลักประกัน เนื่องจากขนาดการชำระเฉลี่ยของหนี้ที่ไม่มีหลักประกันนั้นน้อยกว่าหนี้ที่มีหลักประกันมาก และโดยปกติแล้วหนี้ที่ไม่มีหลักประกันจะเริ่มชำระได้เร็วกว่ามาก การเก็บเงินสดในไตรมาส 2/66 ของ JMT (หนี้ที่ไม่มีหลักประกันส่วนใหญ่) อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% YoY และ 14% QoQ และเป็นสถิติใหม่ การเก็บเงินสดในไตรมาส 2/66 ของ BAM (หนี้ที่มีหลักประกันเกือบทั้งหมด) อยู่ที่ 4.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% YoY และ 28% QoQ เราคาดว่าการเก็บเงินสดในครึ่งหลังของปี 2566 ของทั้ง BAM และ JMT จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจัยฤดูกาล และเนื่องจากทั้งสองบริษัทได้ซื้อหนี้เข้ามาใหม่

ธนาคารพาณิชย์ไทยมีหนี้เสียอยู่ที่ 4.92 แสนล้านบาท และหนี้จัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ (SML) อยู่ที่ 1.1 ล้านล้านบาท ณ สิ้นเดือน มิ.ย. แหล่งเงินกู้ด้อยคุณภาพและหนี้เสียเหล่านี้มีจํานวนมหาศาล ดังนั้นเราจึงคาดว่า BAM และ JMT จะได้รับประโยชน์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 JMT ซื้อ ลหนี้เสียใหม่จำนวน 4.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 268% YoY ในขณะที่ BAM ซื้อหนี้เสีย 7.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 169% YoY โดยทั่วไปหนี้เสียที่ไม่มีหลักประกันจะใช้เวลา 6-12 เดือนในการเริ่มรับรู้กำไรสุทธิ ในขณะที่หนี้เสียที่มีหลักประกันอาจต้องใช้เวลาหลายปีในการชำระหนี้ โดยทั่วไปจะใช้เวลา 3-5 ปี สำหรับหนี้ที่ค้ำประกันโดยที่ดินและอาคาร เนื่องจากการดำเนินคดียึดอสังหาริมทรัพย์ในศาลมักใช้เวลาหลายปี

เราชอบ JMT มากกว่า BAM

เราให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มบริหารสินทรัพย์ “น้อยกว่าตลาด” ปัจจุบันเรา แนะนำ ซื้อ เพียงหุ้น JMT เนื่องจากเราคาดว่าธุรกิจการชำระหนี้ไม่มีหลักประกันจะเติบโตต่อเนื่องในครึ่งหลังของปี 2565-2567 เราปรับเป้าหมายการลงทุนไปยัง ณ สิ้นปี 2567 โดยตั้งราคาเป้าหมายใหม่ไว้ที่ 50 บาท PER ปี 2567 ของ JMT อยู่ที่ 25 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีอยู่ 1 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) ในขณะที่อัตราการเติบโตเฉลี่ยของกําไรปี 2567-68 อยู่ที่ 20% ส่งผลให้อัตราส่วน PEG อยู่ที่ 1.2 เท่า (ใกล้กับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 1.2 เท่า) PBV ณ สิ้นปี 2566 อยู่ ที่ 2.7 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีอยู่ 1.3 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน)

เราปรับเป้าหมายการลงทุนของ BAM ไปยัง ณ สิ้นปี 2567 ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ที่ 9 บาท เราแนะนำ ขาย หุ้น BAM เนื่องจากเราคาดว่าธุรกิจบริหารหนี้ที่มีหลักประกันจะฟื้นตัวได้ช้า PER ปี 2567 ของ BAM อยู่ที่ 15 เท่า ในขณะที่อัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรปี 2567-68 อยู่ที่ 10% คิดเป็นอัตราส่วน PEG อยู่ที่ 1.4 เท่า ซึ่งตึงตัวแล้ว

- Advertisement -