1,500 ไม่ไหว ไปต่อเลยแล้วกัน / 1,485-1,500

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET เดินหน้าในทางลง: โดยถูกกดดันจากความกังวลแนวโน้มศก.สหรัฐฯ หลังการเปิดเผยข้อมูลศก.อ่อนแอได้แก่ 1) ยอดขายบ้านใหม่ เดือนส.ค.ลดลง 8.7% m-m 6.75 แสนยูนิตในเดือนส.ค.ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 7.00 แสนยูนิตจาก 7.39 แสนยูนิตในเดือนก.ค. จากอัตรา ดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ปรับตัวสูงขึ้น และ 2) ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนก.ย. ลดลงสู่ระดับ 103.0 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนและต่ำกว่าตลาดคาดที่ระดับ 105.5 จากระดับ 108.7 ในเดือนส.ค. โดยได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ จะถูกชัตดาวน์ ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ รวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายยังคงสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งรวมถึงนางมิเชลโบว์แมนหนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดนางซูซาน คอลลินส์ ปธ.เฟดบอสตัน และนายออสเตน กูลสบี ปธ.เฟดชิคาโก ที่ต่างสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ แนวโน้มนโยบายการเงินที่เข้มงวดได้เป็นแรงหนุนให้ Dollar Index ปรับตัวขึ้นยืนเหนือระดับ 106 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน สวนทางกับเงินบาทที่อ่อนค่าทดสอบระดับ 36.4 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อ Fund flow รวมถึงหุ้น Big Cap. ด้านการประชุมกนง.ในวันนี้ ทางฝ่ายคาดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 2.50% เพื่อสกัดเงินเฟ้อทั้งด้านอุปทานและอุปสงค์ ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อต้นทุนของการบริโภคและภาคธุรกิจ ในทางกลับกันคาดหนุนให้สกุลเงินท้องถิ่นชะลอการอ่อนค่า ซึ่งจะเป็นการช่วยบรรเทาแรงกดดันทางด้าน Fund flow ด้านมุมมองต่อศก.ไทยทางฝ่ายมองการปรับประมาณการศก.ไทยของกนง. นั้น แม้ในภาพรวมคาดถูกปรับลง แต่คาดกนง.ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อการบริโภคเอกชน สอดรับกับการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งที่ 5.8% y-y และ 7.8%y-y ใน 1Q66 และ 2Q66 ตามลำดับ
  • กลยุทธ์การลงทุน : 1) Defensive play: ADVANC, BCH, BCPG, BDMS, BH, CHG 2) บาทอ่อน: AAI, ITC, KCE, HANA และ 3) ท่องเที่ยว + มาตรการรัฐ: BTS, CBG, CENTEL, DOHOME, ERW, ICHI

ปัจจัยบวก

  • ครม.เห็นชอบพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยในส่วนของเกษตรกร ลูกค้ารายย่อยธ.ก.ส. 2.7 ล้านราย ที่มีต้นเงินคงเป็นหนี้คงเหลือทุกสัญญารวมกัน ณ วันที่ 30 ก.ย. 66 ไม่เกิน 3 แสนบาท .
  • ก.พาณิชย์เผยการส่งออกเดือนส.ค. ขยายตัว 2.6% y-y เป็นการพลิกกลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 11 เดือนอีกทั้งประเมินว่าการส่งออกของไทยในช่วง 4Q66 จะขยายตัวเป็นบวกได้ เนื่องจากเป็นช่วงที่มีคําสั่งชื่อเข้ามามากตามวัฏจักร กอปรกับกับในช่วง 4Q65 ฐานต่ำ
  • กองศก.การท่องเที่ยวและกีฬาเผยประเทศไทยมีจำนวนนทท. ต่างชาติสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค.- 24 ก.ย. 66 จํานวน 19.5 ล้านคน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนทท.ต่างชาติแล้ว 8.16 แสนลบ.

ปัจจัยลบ

  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับลดประมาณการศก.ไทยในปี 66 ลงมาอยู่ที่ 3.0% จาก 3.7% หลังศก.ไทยย้งไค้รับผลกระทบจากภาวะศก.โลกชะลอตัว โดยเฉพาะศก.จีนที่ยังคงเผชิญกับปัญหาด้านอสังหาฯอยู่
  • ความกังวลต่อหนี้เสียอันเป็นผลต่อเนื่องที่เกิดจากสภาวะศก.ในช่วงที่ผ่านมา กดดันยอดขายรถปิกอัพขายลดลงถึง 26.8% ส่งผลให้ค่ายรถพลิกเกมปรับทิศ ทำตลาดรับมาตรการกระตุ้นศก.หวังดันยอดปิกอัพพื้น
  • S&P เผยอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นในยุโรปจะสร้างแรงกดดันต่ออันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทและธนาคารพาณิชย์ในทวีปยุโรป
  • CNBC รายงานว่า ฝ่ายบริหารของปธน.โจ ไบเดน ประกาศมาตรการควบคุมการค้ารอบใหม่กับบริษัทจีน 11 แห่ง และรัสเซีย 5 แห่ง โดยมุ่งเป้าไปยัง 5 บริษัทต่างชาติที่ถูกมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ สร้างความไม่พอใจให้กับทางการจีนอย่างมาก

PICKS OF THE DAY

BCH BUY

  • เป้าหมาย 20.50/21.00 แนวรับ 19.00 /19.50
  • อาจปรับประมาณการรายได้ขึ้น: ใน2Q66 รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติโต 34.2%y-y จากการฟื้นตัวของกลุ่มตะวันออกกลางและCLMV โดยทางบริษัทมีจำนวนผู้ป่วยต่างชาติใน 1H66 แล้วกว่า 62,023 คน โต 75%  y-y โดยตั้งเป้าทั้งปี66ที่ 1 แสนคน และมีรายได้ใน 1H66 ที่ 5,523 ลบ. จากเป้าที่ตั้งไว้ทั้งปี 66 ที่ 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท
  • คาด 3Q66 รายได้ยังคงโต q-q: จากการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกและไข้หวัดใหญ่ในช่วงเดือนก.ค.- ส.ค. 66 ร่วมกับการฟื้นตัวของกลุ่มตะวันออกกลางที่พ้นจากช่วงรอมฎอน
  • Defensive Stock: ปัจจุบันมีค่า Beta ที่ 0.47 ซึ่งต่ำกว่า 1 เป็น หุ้น Defensive เหมาะแก่การลงทุนในช่วงที่หุ้นไทยแกว่งตัวผันผวน

ITC BUY

  • เป้าหมาย 22.00/22.80 แนวรับ 21.00
  • 3Q66 ฟื้น: คาด 3Q66 ยอดขายเติบโต 5-10%q-q จากลูกค้าฝั่งอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น กลับเข้ามาสั่งซื้อเพิ่มขึ้น เริ่มมีการขนส่งให้กับลูกค้ารายใหม่ๆในยุโรป และเยอรมันได้เพิ่ม, GPM คาดดีขึ้น q-q จากการปรับราคาขายเพิ่มใน 3Q66 และ มีปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้นทุนต่อหน่วยต่ำลง
  • 4Q66 ดียิ่งขึ้น: มอง 4Q66 ผลประกอบการจะเติบโตจาก รายได้ที่เติบโต q-q ขณะต้นทุนทูน่าที่ลดลงใน 3Q66 จะส่งผลให้ 4Q66 มีต้นทุนที่ลดลง
- Advertisement -