KS Daily View 28.09.2023 >>> คาดดัชนีแกว่งตัวขึ้นตอบสนองแบงก์ชาติจบดอกเบี้ยขาขึ้นและราคาน้ำมันดิบเพิ่มแรงหลังรายงานสต็อกลดลงมาก ประเมินกรอบซื้อขายวันนี้ที่ 1,490/1,510 หุ้นแนะนำ PTTEP TIDLOR

สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้

  • ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA -0.20%, S&P 500 +0.02%, NASDAQ +0.22%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 Energy (+2.51%), Industrials (+0.76%), Communication services (+0.54%) ขณะที่ Utilities (-1.93%), Real estate (-0.82%), Consumer staples (-0.77%)
  • ในประเทศ: SET Index +3.13 pts. หรือ +0.21% ปิดที่ 1,497.15 จุด ตัวขับเคลื่อนหลักสำคัญ GULF (+2.27%), PTTEP (+1.19%), AOT (+0.72%), PTT (+0.74%) ขณะที่ DELTA (-0.96%), CRC (-1.91%), BDMS (-0.92%), CPF (-1.46%)

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ: มองแนวโน้มหลักดัชนีตลาดยังอยู่ในโหมดของการพักตัวหากยังไม่กลับไปยืนเหนือระดับ 1,540 จุด อย่างไรก็ดีระยะสั้นเชื่อมีแรงซื้อกลับรีบาวด์ได้วันนี้ หลังวานนี้แตะระดับ 1,490 จุดแล้วยังไม่หลุด โดยประเมินเรื่องแบงก์ชาติส่งสัญญาณยุติการขึ้นดอกเบี้ยและราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นแรงจะเป็นประเด็นหลักช่วยหนุนตลาดวันนี้ มองกรอบซื้อขายวันนี้ที่ 1,490/1,510 จุด

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. วานนี้ที่ประชุมกนง.ของแบงก์ชาติประกาศปรับเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25bps จาก 2.25% เป็น 2.50% เหนือคาดที่เราและตลาดส่วนใหญ่มองว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในรอบการประชุมนี้ อีกทั้งแบงก์ชาติมีการปรับเพิ่มมุมมองแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จากเดิม 3.8% เป็น 4.4% หลักๆแล้วปรับเพิ่มขึ้นจากการบริโภคของภาคเอกชน อย่างไรก็ดีแถลงการณ์ของแบงก์ชาติส่งสัญญาณจบดอกเบี้ยขาขึ้นหลังมองอัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันแตะระดับที่เหมาะสมแล้ว มองเป็นลบกับกลุ่มธนาคารแต่บวกสำหรับกลุ่มการเงิน
  2. สหรัฐฯรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันลดลง 2.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลงราว 9 แสนบาร์เรล อีกทั้งสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุเตือนว่า การปรับลดอุปทานน้ำมันของซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย จะทำให้ตลาดเกิดภาวะขาดแคลนน้ำมันในไตรมาส 4 ความกังวลเรื่องพลังงานขาดแคลนผลักดันให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ช่วงข้ามคืนปรับตัวขึ้นแรงราว 3.4%
  3. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมประชุมกับภาคเอกชนเพื่อรับทราบสถานการณ์และทิศทางการค้า รวมทั้งประเด็นหารือเพื่อการลดราคาสินค้าทั้งนี้ ในวันที่ 2 ต.ค.2566 จะแถลงความคืบหน้าการดูแลค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยจะมีความชัดเจนในเรื่องสินค้าและบริการที่จะปรับลดราคา การลดราคาขายทางออนไลน์ และการจัดมหกรรมลดราคาสินค้าพร้อมกันทั้งประเทศ
  4. แกนนำวุฒิสภาสหรัฐฯเสนอกฏหมายจัดหาเงินทุนระยะสั้น โดยหวังว่ากฎหมายนี้จะผ่านการรับรองจากที่ประชุมทั้ง 2 สภาและช่วยให้สหรัฐฯไม่ต้องเผชิญหน้ากับการปิดสำนักงานรัฐบาล หรือ Government shutdown โดยหน่วยงานรัฐจะยังคงสามารถเปิดให้บริการต่อไปได้จนถึง 17 พ.ย.นี้หากผ่านการรับรอง

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,490 – 1,550 จุด จากความคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและการจบรอบขึ้นดอกเบี้ยของไทย ส่วนภายนอกจากมาจากอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่ค่อยๆเร่งตัวขึ้น ส่วนปัจจัยในต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ ทิศทาง US 10Y bond yield หลังทำจุดสูงสุดนับแต่ปี 2007, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน และพัฒนาการของ Geopolitical conflict ระหว่าง สหรัฐฯ-จีน และยุโรป-จีน

หุ้นแนะนำวันนี้

  • Top pick: PTTEP (ราคาพื้นฐาน 168 บาท) เก็งกำไรตามราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อและทรงตัวในระดับสูงหลังซาอุดีอาระเบียตัดสินใจต่ออายุการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบโดยสมัครใจที่ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันต่อไปอีก 3 เดือนจนถึงสิ้นปีนี้ อีกทั้ง OPEC รายงานตัวเลขอุปทานน้ำมันดิบอาจอยู่ในระดับต่ำกว่าระดับความต้องการราว 3 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงไตรมาสที่ 4 ปีนี้ ซึ่งเป็นส่วนต่างที่ขาดไปเป็นระดับที่มากที่สุดในรอบกว่า 10 ปีและล่าสุดช่วงข้ามคืนที่สหรัฐฯรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันลดลงแรงกว่าที่ตลาดมอง มองเป็นอานิสงค์บวกให้ PTTEP มีความน่าสนใจ
  • Top pick: TIDLOR (ราคาพื้นฐาน 31.4 บาท) มองบวกเข้ากับกระแสจบดอกเบี้ยขาขึ้นของแบงก์ชาติ ขณะที่ประเด็นกังวลสถานการณ์เรื่องคุณภาพสินทรัพย์ลดลงหลัง NPL และ credit cost ใกล้แตะระดับสูงสุด ขณะที่ประเมินโมเมนตัมการเติบโตของสินเชื่อกลับมาแข็งแกร่ง ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 3/2566 จะเร่งตัวขึ้น QoQ และมองไกลกว่านั้นคาดผลประกอบการขยายตัวแรงต่อหนุนจากทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (non-NII) ที่คาดเพิ่มขึ้น อีกทั้งคุณภาพสินทรัพย์ที่ฟื้นช่วยให้ credit cost ลดลง

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลข GDP ของสหรัฐฯสำหรับไตรมาส 2/2566 โดยเป็นการประกาศครั้งที่ 3 หลังปรับปรุงข้อมูล ตลาดคาดขยายตัว 2.2% QoQ เทียบกับการประกาศครั้งก่อนหน้าที่รายงานขยายตัว 2.0% QoQ และปิดท้ายด้วยตัวเลขบ้านรอปิดการขายของสหรัฐฯเดือนส.ค.ตลาดคาดหดตัว 0.2% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 0.9% MoM
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขดัชนีรายจ่ายของผู้บริโภคของสหรัฐฯ (Personal consumption expenditure) เดือนส.ค. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 3.3% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 3.5% YoY ขณะที่ตัวเลขดัชนีภาคการผลิต Chicago PMI ของสหรัฐฯ เดือนก.ย. ตลาดคาดที่ 47.4 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 48.7 จุด และดัชนีราคาผู้บริโภคเบื้องต้นของยุโรป (Flash CPI) เดือนก.ย. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 4.5% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 5.2% YoY และดัชนีราคาผู้บริโภคเบื้องต้นของยุโรปที่ไม่รวมพลังงาน (Flash core CPI) เดือนก.ย. ตลาดคาดที่ 4.8% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 5.3% YoY
- Advertisement -