KS Daily View 03.10.2023 >>> คาดเฟดคงดอกเบี้ยสูงนานขึ้น ตัวเลข ISM Manufacturing PMI ดีกว่าคาด คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,460 – 1,500 จุด หุ้นแนะนำ BCH, KLINIQ

สรุปภาวะตลาดเมื่อวันศุกร์

ต่างประเทศ: ดัชนีDJIA -0.22%, S&P 500 +0.01%, NASDAQ +0.67%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่Communication services (+1.47%), IT (+1.33%), Consumer discretionary (+0.28%) ส่วน Sector ที่Underperform ได้แก่ Utilities (-4.72%), Energy (-1.91%), Real estate (-1.75%)

ในประเทศ: SET Index -1.97 จุด หรือ -0.13% ปิดที่1,469.46 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ DELTA (+5.14%), PLANB (+3.07%), HANA (+2.52%), BCH (+2.03%) ส่วนที่ราคาลดลงต่ำสุดได้แก่ VGI (-5.08%), FORTH (-4.31%), PSL (-3.61%), BLA (-3.60%)

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

มองแนวโน้มหลักดัชนีตลาดเคลื่อนไหวออกด้าน จากปัจจัยภายนอกตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของสหรัฐออกมาดีกว่าคาดที่ 49.0 ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ10 ปีเพิ่มสูงขึ้นที่ 4.68% สุงสุดในรอบ 15 ปี และการผ่านกฏหมายงบประมาณชั่วคราวเพียง 45 วัน ซึ่งระยะเวลาค่อนข้างสั้น ยังเป็นปัจจัยกดดันตลาด ส่วนปัจจัยภายในประเทศ นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ยืนยันดิจิทัลวอลเล็ตได้ใช้แน่ ก.พ. 2567 แต่ตลาดยังคงกังวลแหล่งที่มาของงบประมาณและหนี้สาธารณะ รวมถึงการเคลื่อนไหวของหุ้น DELTA ที่ยังคงมีผลต่อดัชนีหุ้นไทย โดยทุกๆ 1 บาทมีผลต่อดัชนีประมาณ 1 จุด

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 49.0 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 47.7 จากระดับ 47.6 ในเดือนส.ค. นักลงทุนยังกังวลว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้นด้วย

2.) ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานเพื่อสกัดเงินเฟ้อ และล่าสุดนางมิเชล โบว์แมน หนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดแสดงความเห็นเมื่อวานนี้ว่า เธอยังคงสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป หากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อชะลอตัวช้าเกินไป

3.) ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.74% แตะที่ระดับ 107.052 กดดันราคาทองคำทำสถิติปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 6 มาอยู่ที่ 1823.76 เหรียญต่อออนซ์

4.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีนายกฯ เปิดเผยในมอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ว่ามั่นใจจีดีพีตลอด 4 ปี เฉลี่ยเติบโต 5% พร้อมระบุต้นปี 67 มีเงินอัดฉีดเข้าระบบ 5.6 แสนล้านบาทผ่าน โครงการ Digital Wallet ได้ใช้แน่ก.พ.2567 มั่นใจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ-สร้างเงินหมุนเวียนในระบบ พร้อมดันค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทในปี 2570

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,460 – 1,500 จุด ทั้งนี้ sentiment การลงทุนในหุ้นไทยยังคงเปราะบาง แต่คาดว่ามีโอกาสฟื้นตัวได้บ้าง หลังสหรัฐฯ รายงานตัวเลข Core PCE ต่ำกว่าคาด กอปรกับจีนรายงานตัวเลข Manufacturing PMI เดือนก.ย. ที่ 50.2 จุด และ Non-Manufacturing PMI เดือน ก.ย. ที่ 51.7 จุด ซึ่งเร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้า และกลับสู่โหมดขยายตัว และตัวเลข ISM Manufacturing ของสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นที่ 49.0 ส่วนปัจจัยที่จะกำหนดการเคลื่อนไหวของตลาดในสัปดาห์ได้แก่ ทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย และในต่างประเทศ, การเคลื่อนไหวของหุ้น DELTA ที่ยังมีผลต่อดัชนีหุ้นไทย รวมถึงการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อของไทย รวมถึงตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่เฟดใช้กำหนดนโยบายการเงินในไตรมาส 4/2566

หุ้นแนะนำวันนี้

Top pick: BCH (ราคาพื้นฐาน 21.70 บาท) คาดว่ารายได้ไตรมาส 3/2566 น่าจะเป็นไปตามแนวโน้มของช่วงไฮซีซั่น BCH เห็นผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่และโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้นในประเทศ การขึ้นอัตราค่าบริการบางส่วน โดยเฉพาะผู้ป่วยใน (IPD) เพื่อรับมือกับค่าสาธารณูปโภคที่สูงขึ้น และมองว่ารัฐบาลชุดใหม่มีโอกาสส่งผลบวกต่อการให้บริการผู้ป่วยสิทธิประกันสังคม (สปส.)

Top pick: KLINIQ (ราคาพื้นฐาน 46.10 บาท) ผู้บริหารของ KLINIQ ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ปี 2566 ขึ้น 13% เป็น 2.25 พันลบ. แต่ยังคงเป้าอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ 13%  KLINIQ, LabX และศัลยกรรมปรับตัวดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ส่วนการร่วมมือกับ Mediz เริ่มสร้างกระแสรายได้ วางแผนเปิดสาขาใหม่ 8 สาขา ได้แก่ LabX 7 แห่ง และKLINIQ 1 แห่ง  โดย 2 สาขาจะตั้งอยู่ในต่างจังหวัด ส่วนที่เหลืออยู่ในกรุงเทพฯ รวมถึงบริการใหม่ที่น่าจะช่วยเพิ่มยอดขายคือ Hybrid Filler ซึ่ง KLINIQ เป็นคลินิกแห่งแรกที่จะให้บริการ ส่วนของศัลยกรรมจะเพิ่มบริการเฟซล็อค (Face Lock) และการดูดไขมัน

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันอังคาร ติดตามการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ตลาดคาดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิมที่ 4.1% ต่อด้วยตัวเลขจำนวนงานที่เปิดรับหาคน (JOLTs job opening) เดือน ส.ค. ตลาดคาดที่ 8.5 ล้านตำแหน่ง เทียบกับ 8.8 ล้านตำแหน่งในเดือนก่อนหน้า
  • วันพุธ ติดตามตัวเลขดัชนีภาคบริการยุโรป (Eurozone service PMI) เดือนก.ย. ตลาดคาดที่ 48.4 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 47.9 จุด ต่อด้วยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ (US ADP employment) เดือน ก.ย. ตลาดคาดที่ 150kตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 177k ตำแหน่ง และตัวเลขดัชนีภาคบริการสหรัฐฯ (US ISM service PMI) เดือน ก.ย. ตลาดคาดที่ 54.0 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 54.5 จุด
  • วันพฤหัสฯ ติดตามรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย (Headline CPI) เดือน ก.ย. ตลาดคาดปรับตัวลดลงเป็น 0.80% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.88% YoY และตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของไทย (Core CPI) เดือนก.ย. ตลาดคาดที่ 0.70% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.79% YoY
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ (nonfarm payrolls) เดือนก.ย. ตลาดคาดที่ 150k ตำแหน่ง เทียบกับ 187kตำแหน่งในเดือนก่อนหน้า ตัวเลขอัตราการว่างงานของสหรัฐฯเดือน ก.ย. ตลาดคาดลดลงเป็น 3.7% จากเดือนก่อนหน้าที่ 3.8% และอัตราค่าจ้างแรงงานของสหรัฐฯ (Average hourly earnings) เดือนก.ย. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 0.3% MoM เทียบกับเดือนก่อหน้าที่ 0.2% MoM
- Advertisement -