บล.บัวหลวง:

Thai Market Strategy – บอนด์ยีลด์พุ่ง เงินบาทอ่อน Downside เท่าไร? แนวรับเท่าไร?

ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลการคลังที่มากขึ้นของประเทศไทย กดดันความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นและพันธบัตรของไทย และกดดันให้อัตราค่าเงินบาทต่อดอลลสร์สหรัฐปรับตัวไปอยู่ในระดับที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. 2565 ทั้งนี้เพื่อหาโอกาสในการเข้าซื้อในตลาดหมี เราได้ตรวจสอบผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันของประเทศไทยและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรต่อตลาดหุ้นไทย

เงินบาทอ่อนตัวสุดในรอบ 11 เดือนจากความกังวลต่อเสถียรภาพทางการคลัง

หลังจากรัฐบาลใหม่แถลงนโยบายในวันที่ 11-12 ก.ย. เงินบาทอ่อนค่าลงเกือบ 5% ไปอยู่ในระดับ 37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. 2565 รัฐบาลวางแผนที่จะอัดฉีดเงิน 5.6 แสนล้านบาท เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในปีหน้าผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่แน่นอนของแหล่งเงินทุนสำหรับมาตรการกระตุ้นนี้อย่างไร และเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น (ตลาดตอนนี้คิดว่าธนาคารกลางสหรัฐจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น) ความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นไทยและ (โดยเฉพาะ) พันธบัตรอ่อนตัวลง โดยเห็นได้จากการขายอย่างต่อเนื่องในหมู่นักลงทุนต่างชาติ

อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลไทยเปิดเผยแผนการระดมทุนที่เป็นรูปธรรม กอปรกับหากตลาดเชื่อมั่นว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ผ่านจุดสูงสุด (จนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ เริ่มลดลง) ค่าเงินบาทก็น่าจะเริ่มฟื้นตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะดึงดูดเม็ดเงินการลงทุนต่างชาติให้ไหลเข้ามาสู่หุ้นใหญ่

ผลกระทบของการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐต่อ SET

เราคาดอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยปี 2566 ของเราที่ 34.30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ (เฉลี่ยทั่งปี YTD 34.5) จะแข็งค่าขึ้นไปเป็น 33.70 บาท/ดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 ปัจจุบันอัตรราแลกเปลี่ยนสูงกว่า 37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอ่อนกว่าสมมติฐานกรณีฐานของเราเกือบ 3 บาท จากการศึกษาของเรา หากค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ทุก 1 บาท จะช่วยหนุนประมาณการกำไรสุทธิของ SET ในปี 2567 ขึ้น 0.1% การแข็งค่าของเงินบาทจะส่งผลดีต่อ 1) อุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงด้านต้นทุนหลักจากอัตราแลกเปลี่ยน ได้แก่ สาธารณูปโภค (หนี้ที่เป็นค่าเงินตาช่างประเทศสูง) เกษตรกรรม (การนำเข้าวัตถุดิบ) สายการบิน (ต้นทุนเชื้อเพลิง) และ 2) กลุ่มหุ้นใหญ่ที่มูลค่า ต่ำเกินไปและมีแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่ดี ที่นักลงทุนต่างชาติน่าจะจับตามอง เช่น โภคภัณฑ์ (อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น) นิคมอุตสาหกรรม (การขายที่ดินที่เพิ่มขึ้น) ขนส่ง (การฟื้นตัวของการจราจร) กลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว (การเดินทางท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น) และธนาคาร (NIM ที่ขยายตัวขึ้น) เราได้รวบรวมรายชื่อหุ้นที่น่าจะได้ประโยชน์จากการแข็งค่าของเงินบาทไว้ในรูปที่ 2

ส่วนต่างผลตอบแทนตลาดหุ้นปี 2567 บ่งบอกว่าตลาดหุ้นไทยมีความเสี่ยงจำกัด

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่สูงขึ้นกดดันส่วนต่างผลตอบแทนตลาดหุ้นให้แคบลง ส่งผลให้โซนแพงมาอยู่ที่ 1498 (จาก 1600 ณ สิ้นเดือน ส.ค. ซึ่งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปีอยู่ที่ 2.76%) หลังจากที่ปรับตัวลงล่าสุด SET อยู่ต่ำกว่าโซนแพง (ส่วนต่างผลตอบแทนปี 2566 คาดอยู่ที่ 2.9% และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอยู่ 1.2 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) ที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปี ณ วันที่ 29 ก.ย. (3.14%) ระดับแนวรับที่ใกล้ที่สุดคือ 1447 (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอยู่ 1.25 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) เมื่อพิจารณาการประเมินมูลค่าปี 2567 พบว่าส่วนต่างผลตอบแทนในปัจจุบันของ SET (3.76%) ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยระยะยาว (3.82%) ดังนั้นแนวรับถัดไปอาจอยู่ที่ 1434 (ค่าเฉลี่ยระยะยาว)

 

- Advertisement -