Daily Focus: Selective and Domestic Play
Mid-2024 SET Target: 1650
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงในช่วงเปิดตลาดจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบ ทั้งปัจจัยภายนอกโดยเฉพาะ Bond Yield ที่สูง รวมถึงปัจจัยในประเทศจากเหตุการณ์ที่สยามพารากอนซึ่งกดดันกลุ่มท่องเที่ยว โดยดัชนีลงแตะระดับต่ำสุดของวันบริเวณ 1,430 จุด อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อในหุ้นขนาดใหญ่กลับค่อนข้างกระจายตัว หนุนให้ดัชนีพลิกมาปิดบวกได้ 3.95 จุด ณ สิ้นวัน สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 281 ลบ. และ 34 ลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติพลิกมา Long Index Futures 1.26 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index มีโอกาสฟื้นตัวได้ต่อเนื่องจากปัจจัยต่างประเทศที่ผ่อนคลายลงบ้างหลัง Bond Yield สหรัฐฯเริ่มชะลอตัวลงจากตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือน ก.ย. ที่ออกมาต่ำกว่าคาดมากที่ 8.9 หมื่นตำแหน่ง ซึ่งสะท้อนตลาดแรงงานที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของตลาดคาดถูกถ่วงจากกลุ่มพลังงานที่กดดัน หลังราคาน้ำมันวานนี้ร่วงแรงกว่า 6% แต่เรามองเป็นบวกต่อเศรษฐกิจไทยทั้งในแง่ดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดที่จะดีขึ้น รวมถึงแรงกดดันต่อเงินเฟ้อที่ลดลง ปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้คือเงินเฟ้อไทยเดือน ก.ย. ตลาดคาด Headline CPI +0.6% Y-Y ส่วน Core PCI คาด +0.7% Y-Y ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า หากออกมาต่ำกว่าคาดจะทำให้บรรยากาศการลงทุนผ่อนคลายขึ้นต่อเนื่อง เราคาดกลุ่มที่จะยังแกว่งตัวได้ดีกว่าตลาดต่อเนื่อง ได้แก่ การแพทย์ สื่อสารฯ ธนาคาร ตามทิศทางกำไร 3Q23 ที่แข็งแรง ขณะที่กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค ได้แก่ ค้าปลีก อาหาร ท่องเที่ยวคาดทยอยฟื้นตัวได้เช่นกันจากกำลังซื้อที่จะดีขึ้น ทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะทยอยออกมาใน 4Q23-2024 รวมถึงหากราคาน้ำมันชะลอตัวลงต่อเนื่อง
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่มีโมเมนตัมกำไร 3Q23 แข็งแกร่ง//ถือลงทุนระยะยาวหลังสะสมหุ้นเพิ่มไปแล้วบริเวณ 1,450+- จุด
หุ้นเด่นเดือน ต.ค : AAV, BBL, BDMS, JMT, KCE
หุ้นเด่นวันนี้ : CPALL
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 77 บาท
- แนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q23 ชะลอเล็กน้อย q-q จากปัจจัยฤดูกาล แต่มองเติบโตได้ y-y จาก SSSG ที่เติบโตได้ดี รวมถึงจะได้ประโยชน์จากค่าไฟที่ลดลงอย่างมีนัยยะตั้งแต่เดือนก.ย. เป็นต้นไป และต้นทุนทางการเงินของ CPAXT ที่ลดลง
- เราคาดว่ากำไรจะกลับมาเร่งตัวแตะระดับสูงสุดใน 4Q23 จาก High Season ยังคาดกำไรทั้ง ปี 2023 ที่ 1.64 หมื่นลบ. +23% y-y ส่วนปี 2024 คาดที่ 1.94 หมื่นลบ. +19% y-y
- แนวรับ 59-58.50 บาท แนวต้าน 62//64 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่น US$1,397 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$907 ล้าน และ US$500 ล้าน ตามลำดับ จาก Bond Yield ที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนอาเซียนเม็ดเงินผสมผสาน ไหลเข้าอินโดนีเซีย เวียดนาม ไทย แต่ไหลออกจากฟิลิปปินส์บางๆ แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะชะลอการไหลออก หลังตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯแผ่วลงกว่าคาด ทำให้ Bond Yield ชะลอตัวลง ตลาดรอติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรคืนวันศุกร์นี้
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) กลุ่ม Home Improvement แนวโน้มปี 2024 เป็นบวก โดยได้แรงหนุนจาก 1) การขยายตัวของการบริโภคภายในประเทศและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว 2) แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ 3) ราคาเหล็กควรกับมาอยู่ในระดับปกติ ทำให้เราเชื่อว่า SSSG ปี 2024 จะเติบโตเฉลี่ย +5% y-y ขณะที่ปรากฏการณ์ El Nino คาดจะกระทบกำลังซื้อภาคเกษตรไม่มาก ส่วนผลกระทบจากนโยบายปรับขึ้นค่าแรงจะถูกชดเชยจากต้นทุนค่าไฟและพลังงานที่ลดลง สำหรับทั้งปี 2023 คาดกำไรของกลุ่ม -3% y-Y แต่เชื่อว่ากำไรน่าจะผ่านจุดต่ำสุดในปีนี้แล้ว และคาดกำไรปี 2024 จะโต +16% y-y เราให้น้ำหนักการลงทุนเป็น Overweight Top pick คือ DOHOME
(+) DOHOME คาดกำไรสุทธิ 3Q23 ที่ 78 ลบ. +98% 9-9, +55% y-y จาก SSSG ที่เป็นลบน้อยลงมาอยู่ที่ -6.5% y-y (VS เทียบกับ -9.9% ใน 2023) หลังราคาเหล็กในประเทศกลับสู่ระดับปกติและไม่มีการขายสินค้าลดล้างสต๊อก เรายังมีมุมมองเชิงบวกใน 4Q23 จาก 1) ราคาเหล็กจะยังทรงตัว 2) SSSG ใน 4Q23 จะเป็นบวกหลังเหตุนำท่วมในอุบลฯ เมื่อปีที่แล้ว และ 3) คาดได้รับค่าสินไหมทดแทน 60-65 ลบ. เราคาดกำไรสุทธิปี 2024 ที่ 1.1 พันลบ. +87% y-y จากมาตรการทางเศรษฐกิจซึ่งจะช่วยกระตุ้นการบริโภค ราคาเป้าหมาย 13 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) HMPRO คาดกำไรสุทธิ 3Q23 ที่ 1.56 พันลบ. -4% 9-9 จากผลของฤดูกาล แต่ +2%y-y จากการเปิดสาขาใหม่ ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นแม้ SSSG จะติดลบ -2.5% y-y แนวโน้ม 4Q23 จะเป็นไตรมาสที่ดีจากช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองปลายปี สำหรับปี 2024 ยังจะได้แรงหนุนจากการบริโภคภายในที่เพิ่มขึ้น มาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มกำลังซื้อของภาครัฐ การเปิดสาขาใหม่ และคาดอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น คาดกำไรปี 2023-24 ที่ 6.56 พันลบ. +6% y-y และ 7.2 พันลบ. +11% Y-y ตามลำดับ ราคาเป้าหมาย 16 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) GLOBAL คาดกำไรสุทธิ 3Q23 ที่ 590 ลบ. -16%q-q, -24% y-y จากที่คาด SSSG ติดลบ -10% y-y (vs -9.5% ใน 2Q23) และ gross margin ปรับลงจากการปรับราคาเหล็ก อย่างไรก็ตาม แนวโน้ม 4Q23 คาด SSSG จะทรงตัว y-y จากราคาเหล็กที่กลับสู่ภาวะปกติ และไม่มีค่าตัดจำหน่ายเหมือนปีก่อน คาดกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 2.9 พันลบ. -20% และปี 2024 ที่ 3.3 พันลบ. +14% y-y ราคาเป้าหมาย 20.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) ILM คาดกำไรสุทธิ 3023 ที่ 166 ลบ. +1% 9-9, +9% y-y จากรายได้ธุรกิจค้าปลีกและออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น SSSG เพิ่มขึ้นต่อเนื่องอยู่ที่ -11% y-y ใน 3Q23 คาด 2H23 และปี 2024 จะดีขึ้นต่อเนื่อง จากการบริโภคในประเทศและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว รวมถึงการเปิดสาขาใหม่อีก 3 แห่ง คาดกำไรสุทธิปี 2024 771 ลบ. +11% y-y ราคาเป้าหมาย 26.70 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(+) PR9 คาดกำไรปกติ 3Q23 ที่ 128 ลบ. +6% q-q จากปริมาณผู้ป่วยไทยที่อยู่ในเกณฑ์ดีและเป็น High season ของธุรกิจโรงพยาบาล แนวโน้มกำไร 4Q23 น่าจะเพิ่มขึ้นทั้ง Q-Q และ y-y แตะระดับสูงสุดของปี 2023 จากการเริ่มเจาะตลาดตะวันออกกลางและปกติ Q4 จะเป็นไตรมาสที่มีกำไรดีสุดของ PR9 แม้เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2023-25 ลง 5-13% เพื่อสะท้อนรายได้ที่ต่ำกว่าคาดของผู้ป่วยชาวจีน ยังคงราคาเป้าหมายที่ 22 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 127.17 จุด หรือ +0.39% ปิดที่ 33,129.55 จุด หลังตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลง ข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนมีความหวังว่าเฟดอาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ ถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าอยู่ที่บริเวณ 36.83 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 5.01 ดอลลาร์ หรือ 5.6% ปิดที่ 84.22ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์น้ำมันที่ซบเซา นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 84.45 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.27%
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 6.70 ดอลลาร์ หรือ 0.36% ปิดที่ 1,834.80 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตลาดยังคงถูกกดดันจากความกังวลว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 1,839.30 ดอลลาร์/ออนซ์ +0.25%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 869.31/ -4.04