บล.บัวหลวง:
Krungthai Card (KTC TB /KTC.BK)
KTC – แนวโน้มการเติบโตที่ไม่น่าตื่นเต้น
เราคาดการเติบโตของกำไรสุทธิจะซะลอตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 โดยอัตราการตั้งสำรองของ KTC มีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ในระดับสูงในปี 2567 เนื่องจากการผ่อนชำระขั้นต่ำต่อเดือนที่สูงขึ้นสำหรับผู้ใช้บัตรเครดิตที่ 8% ขณะที่ด้านมูลค่ายังคงตรึงตัว ขาย!
การฟื้นตัวที่ซะลอตัวในไตรมาส 3/66
เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 1.8 พันล้านบาท ทรงตัว YoY และ QoQ สมมติฐานการเติบโตของสินเชื่อของเราในไตรมาสนี้อยู่ที่ 12% YOY และ 3% QoQ หนุนจากการใช้จ่ายบัตรเครดิตและความต้องการสินเชื่อเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล แต่ผลกระทบของการเติบโตของสินเชื่อในไตรมาส 3/66 น่าจะถูกกลบด้วย NIM ที่หดตัวลงมาที่ 10.4% (ลดลง 29bps YoY และ 10bps QoQ) หลักๆ มาจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น นอกจากนี้เราคาดบริษัทจะตั้งมีอัตราการสำรองในไตรมาส 3/66 ที่ 5.5% เพิ่มขึ้น 18bps YoY และทรงตัว QoQ เนื่องจากเราประเมินว่าอัตราส่วนหนี้สินเสียต่อสินเชื่อรวมของ KTC เพิ่มขึ้นจาก 2% ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2566 ไปเป็น 2.1% ณ สิ้นเดือนก.ย. คุณภาพสินทรัพย์มีแนวโน้มอ่อนแอลงเล็กน้อย
การตั้งสำรองมีแนวโน้มคงในระดับสูงจนถึงปี 2567
ทาง BLS ของเราคาดการณ์การเติบโตของ GDP ประเทศไทยอยู่ที่ 2.7% ในปี 2566 และ 3.8% ในปี 2567 โดยหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและการฟื้นตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภค แม้ว่าเราคาดว่าการเติบโตของ GDP จะเร่งตัวขึ้นในไตรมาส 4/66 จนถึงปี 2567 แต่เราเชื่อว่าการตั้งสำรองของ KTC จะยังคงสูงจนถึงปี 2567 ลูกค้าของบริษัทมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างช้าๆ จากผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยและหนี้ครัวเรือนที่สูง
นอกจากนี้ ในวันที่ 1 ม.ค. 2567 ธปท.จะเพิ่มการชำระเงินบัตรเครดิตขั้นต่ำรายเดือนจาก 5% ของยอดเงินคงเหลือ (ภายใต้โครงการช่วยเหลือหนี้สำหรับผู้บริโภคจากผลกระทบจากโควิด-19) ไปเป็น 8% และในวันที่ 1 ม.ค. 2568การชำระเงินรายเดือนขั้นต่ำจะกลับมาอยู่ในระดับปกติที่ 10% เราเชื่อว่าการเพิ่มการชำระเงินขั้นต่ำจะส่งผลกระทบต่อลูกค้าของ KTC บางราย เนื่องจากเราคาดราว 30% ของผู้ใช้บัตรเครดิต (20% ของลูกค้า) ชำระเฉพาะการชำระเงินขั้นต่ำรายเดือนจากยอดคงเหลือในบัตรเครดิตเท่านั้น
การเติบโตของกำไรที่ต่ำกว่าปกติจะลากยาวไปในไตรมาส 4/66
เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/66 อยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% YoY และทรงตัว QoQ เราคาดว่าสินเชื่อจะเติบโต 12% YoY และ 8% QoQ หนุนจากการใช้จ่ายบัตรเครดิตจำนวนมากตามปัจจัยทางฤดูกาล เราคาดอัตราการตั้งสำรองในไตรมาส 4/66 อยู่ที่ 5.5% ลดลง 50bps YoY และทรงตัว QoQ เราคาดกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 7.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% YoY หนุนจากการเติบโตของสินเชื่อ เราคาดกำไรปี 2567 ที่ 8.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% YoY หนุนจากการเติบโตของ GDP ที่เร่งตัวขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของ สินเชื่อและคุณภาพสินทรัพย์ของ KTC ในปี 2567
มูลค่าดูตรึงตัว
ปัจจุบัน PER ปี 2566 อยู่ที่ 15.5 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีอยู่ 0.3 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) แต่คาดการเติบโตเฉลี่ยสะสมของกำไรสุทธิต่อหุ้นในปี 2566-68 อยู่ที่ 8% (ต่ำกว่าปี 2560-65 ที่ 16%) ซึ่งคิดเป็นเป็น PEG ที่ตึงตัวถึง 1.9 เท่า (สูงกว่าค่าเฉลี่ยของปี 2560-65 ที่ 1.1 เท่า) PBV ณ สิ้นปี 2566 ของ KTC คาดอยู่ที่ 3.2 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีอยู่ 0.6 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) และ ROE ปี 2566 อยู่ที่ 21.7% (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปี 2560-2565 ที่ 27%)