บล.บัวหลวง:
Home Product Center (HMPRO TB /HMPRO.BK)
HMPRO – ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
แม้เราคาดว่ากำไรในไตรมาส 3/66 จะอ่อนแอ และจะกำไรจะเติบโตเล็กน้อยในปี 2566 แต่เมื่อวิเคราะห์ HMPRO อีกครั้ง อิงจากคาดการณ์การฟื้นตัวในปี 2567 และ PER ปี 2567 ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตเกือบ 2 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำ จาก “ถือ” เป็น “ซื้อ”
แนวโน้มไตรมาส 3/66 ชะลอตัว เนื่องจากยอดขายสาขาเดิมที่อ่อนแอ
เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 1,538 ล้านบาท ทรงตัว YoY และลดลง 5% QoQ ยอดขายสาขาเดิมที่ลดลง และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดร้านใหม่ อาจส่งผลให้กำไรของ HMPRO ปรับตัวลดลง
ใน 3Q23 เราคาดยอดขายสาขาเดิมที่ลดลง 3.5% สำหรับ HomePro, 2% สำหรับ Mega Home และ 5% สำหรับ Malaysia เราคาดยอดขายรวมอยู่ที่ 16,532 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% YoY แต่ลดลง 7% QoQ ในทางกลับกัน เราคาดรายได้ค่าเช่าอยู่ที่ 461 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% YoY (คงที่ QoQ) เนื่องจากจำนวนลูกค้าที่ฟื้นตัวจาก Market Village ของ HMPRO
เนื่องจากยอดขายสาขาเดิมของทุกแบรนด์ที่ลดลง และยอดขายจาก Mega Home (มาร์จิ้นต่ำ) ที่เป็นสัดส่วนต่อรายได้รวมที่สูงขึ้น เราคาดว่า HMPRO จะรายงานอัตรากำไรขั้นต้นที่ 26.3% ในไตรมาส 3/66 ลดลงจาก 26.8% ในไตรมาส 3/65 แต่ทรงตัว QoQ Mega Home สาขาใหม่ 9 สาขาเปิดในช่วงสี่ไตรมาสที่ผ่านมา ดังนั้นเราจึงคาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ 3,256 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% YoY แต่ลดลง 6% QoQ (เนื่องจากต้นทุนค่าไฟฟ้าต่อหน่วยลดลง) อัตรากำไรขันต้นที่ลดลงเนื้องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น YoY ส่งผลให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 3/26 อยู่ที่ 11.7% ลดลงจาก 12.2% ในไตรมาส 3/65 ประมาณการกำไรหลัก 9 เดือนแรก 2566 ของเราอยู่ที่ 4,769 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 5% YoY) คิดเป็น 73% ของประมาณการกำไรปี 2566 ที่ 6,528 ล้านบาท (ซึ่งสูงกว่าสัดส่วนกำไร 9 เดือนต่อทั้งปีในอดีตที่ 70%]
คาดมาร์จิ้นฟื้นตัวเล็กน้อยนับตั้งแต่ปี 2567
เรายังคงคาดกำไรหลัก HMPRO ปี 2566 ที่ 6,528 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 5%YoY) แต่มีการปรับลดประมาณการกำไรสำหรับทั้งปี 2567 และ 2568 ลง 6% เนื่องจากเราคาดว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจากเมก้าโฮมจะยังคงค่อนข้างหนัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นของสาขาที่เปิดในปี 2566 และการขยายตัวเชิงรุกน้อยลงในปี 2567 จะส่งผลให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี 2567 เป็นต้นไป
มูลค่าหุ้นในปัจจุบันบ่งบอกถึงดาวน์ไซต์ที่จำกัด
เราปรับเป้าหมายการลงทุนไปเป็น ณ สิ้นปี 2567 แต่ราคาเป้าหมายที่ได้จาก วิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ของเรายังคงอยู่ที่ 16 บาท (เนื่องจากเราได้ปรับต้นทุนหนี้ของ HMPRO ขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้ WACC เพิ่มขึ้นจาก 6.9% ไปเป็น 7%) ปัจจุบันหุ้นซื้อขายที่ PER ปี 2566 ที่ 24.6 เท่า และ PER ปี 2567 ที่ 22.9 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 30 เท่าเกือบ 2 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การฟื้นตัวของอัตรากำไรในปี 2567 และราคาหุ้นที่ต่ำ (ซึ่งปรับตัวลดลง 20% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน เทียบกับ SET ที่ปรับตัวลดลง 13%) บ่งบอกว่ามีดาวน์ไซน์ที่จำกัด