ทุ่ง SET เขียวขจี กรอบ 1,445 – 1,460 จุด / Top pick บ่าย KTC
Phillip Strategist Comments
☀️ สรุปตลาดเช้า:
ดัชนี SET Index ภาคเช้าปิด +20.27 จุด (+1.41%) อยู่ที่ 1,454.72 จุด แรงหนุนจากการคลายความกังวลต่อแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ที่ประธานเฟดสาขาแอตแลนตาแสดงความเห็นว่าไม่จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อให้เงินเฟ้อลดสู่เป้า 2% เนื่องจากนโยบายการเงินปัจจุบันเข้มงวดพอแล้ว เช่นเดียวกับถ้อยแถลงของ ธปท. ในงาน Monetary Policy Forum เช้าวันนี้ที่ส่งสัญญาณถึงอัตราดอกเบี้ยนระดับปัจจุบันเหมาะสมแล้ว สอดคล้องกับบาทที่เริ่มแข็งค่าเช้านี้สู่ 36.38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่ม Big Cap และเป็นหุ้นชี้นำตลาดในช่วงเช้า ทั้ง PTT, DELTA, BDMS และ OR
🔎 มุมมองตลาดบ่ายนี้:
ทางฝ่ายมองดัชนี SET ภาคบ่ายมีโอกาสฟื้นตัวได้ต่อไป โดยแรงหนุนจากทั้ง 1) ค่าเงินบาทที่เริ่มฟื้นตัวแข็งค่า 2) แรงกดดันด้านดอกเบี้ยที่ลดลง ทำให้เป็นบวกต่อต้นทุนการเงินบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะบริษัทที่มีต้นทุนทางการเงินสัดส่วนที่สูง นอกจากนี้ การที่ดัชนี SET ปรับตัวลงมามาก ทำให้ปัจจุบันมี PE อยู่ที่ 16.38X ซึ่งยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 18.30X ทางฝ่ายจึงมองหุ้นไทยเริ่มถูก น่าซื้อสะสม โดยเน้นประกอบกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง หรือคาดกำลังจะเผยงบ 3Q66 ที่ฟื้นตัว จะช่วยให้มีโอกาสได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของราคาท่ามกลาง Downside ที่จำกัด สำหรับปัจจัยกดดันดัชนียังพอมีคงค้างอยู่บ้าง แต่ตลาดทยอยรับรู้ไปแล้ว เช่น ความกังวลต่อนโยบายเงินดิจิทัล ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปและทำให้ภาคประชาชนที่รอความชัดเจนประวิงการบริโภคออกไป ทำให้กลุ่ม Spending และท่องเที่ยวอาจมีแรงขายออกมาบ้าง สำหรับคืนนี้ติดตาม PPI สหรัฐ และติดตามถ้อยแถลงของ จนท.เฟด 2 ราย ได้แก่คุณ Kashkari, คุณ Daly และคุณ Bowman หากไม่ได้ส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นผลดีต่อตลาดทุน
🎯 Top pick: KTC
ทางฝ่ายมองได้ประโยชน์ทั้งจากคลายกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น จากต้นทุนทางการเงินที่ลดลงและคุณภาพสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มจะดีขึ้น ขณะที่ 2H66 ทางฝ่ายมองยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจะโตจากการเข้าสู่ช่วง High Season โดยทางฝ่ายคาดรายได้ปี 2566 จะอยู่ที่ 2.33 หมื่นล้านบาท (+6.8%y-y) และคาดกำไรปีนี้ที่ 7.37 พันล้านบาท (+4.12%y-y) และคาดเงินปันผลจะอยู่ที่ 1.25 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Dividend Yield 2.73%