บล.บัวหลวง: 

SCG Decor Public Company Limited (SCGD)

SCGD – A leading ASEAN DSB player (IPO)

Executive summary

มูลค่าหุ้น ณ สิ้นปี 2567 อยู่ในกรอบ 22,803 ล้านบาท – 29,181 ล้านบาท: เราใช้ 3 วิธีในการคำนวณมูลค่าหุ้นของบริษัท เอสซีจี เดคคอร์ (SCGD) จาก 1) วิธีคิดลดกระแสเงินสด, 2) เทียบ PER กับกลุ่ม, และ 3) เทียบอัตราส่วน EV/EBITDA กับกลุ่ม ซึ่งจากวิธีคิดลดกระแสเงินสดเราคำนวณมูลค่าได้ 25,711 ล้านบาท ขณะที่วิธีเทียบ PER ได้ 22,803 ล้านบาท และวิธีเทียบ EV/EBITDA ได้ 29,181 ล้านบาท มูลค่าหุ้นเฉลี่ยของวิธีการทั้ง 3 วิธีคือ 25,898 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น PER ปี 2567 ที่ 15.3 เท่า

ผู้นำด้านตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ของอาเซียน: SCGD เริ่มธุรกิจการตกแต่งพื้นผิวและห้องน้ำ (DSB) ในประเทศไทยมากว่าสี่ทศวรรษ บริษัทเริ่มขยายธุรกิจไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้กว่า 30 ปีที่แล้ว ปัจจุบันบริษัทเป็นหนึ่งในผู้ทำธุรกิจ DSB ชั้นนำของอาเซียน ขณะนี้ SCGD มีส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่ที่สุดในธุรกิจ DSB ในประเทศส่วนใหญ่ที่ SCGD ดำเนินธุรกิจอยู่

อาเซียน—ตลาดที่มีการเติบโตสูง พร้อมรายได้ที่กำลังเพิ่มขึ้น: บริษัทอยู่ในสถานะที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในภูมิภาคและรายได้ของครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น การเติบโตของประชากรและการขยายตัวของเมืองในอาเซียนทำให้เกิดโอกาสสำหรับผู้ประกอบการ DSB

ตลาด DSB ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว—โอกาสในการเติบโตอย่างมาก: ในสถานะที่เป็นผู้นำด้าน DSB ในอาเซียน SCGD อยู่ในจุดที่ดีในการขยายธุรกิจในตลาด DSB ที่ขยายตัวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลาด DSB กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ดังนั้นเราจึงคาดว่า SCGD จะมีโอกาสเติบโตอีกอย่างมาก

แบรนด์ที่แข็งแกร่งในระดับภูมิภาค: ด้วยการเป็นผู้เล่นสำคัญของอาเซียนในตลาด DSB แบรนด์ DSB ของบริษัทจึงได้รับการยกย่องและไว้วางใจมากที่สุดในภูมิภาค SCGD ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงการทำแบรนด์ที่แข็งแกร่งในตลาดหลักๆ ทั้งหมด ได้แก่ ประเทศไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ข้อมูลในอดีตระบุว่าการเติบโตของยอดขายทำได้ดีกว่าตลาดโดยรวม (กระเบื้องเซรามิก เครื่องสุขภัณฑ์และฟิตติ้ง) ในปี 2563 และ 2564

การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และทีม R&D ที่แข็งแกร่งหนุนพอร์ตผลิตภัณฑ์: นอกจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มผลิตภัณฑ์ DSB ที่มีอยู่แล้ว SCGD ยังได้ขยายพอร์ตโอย่างต่อเนื่องและรุกตลาดระดับบนไปสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มสูง (HVA) ที่มีราคาขายที่สูงขึ้นและให้อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าผลิตภัณฑ์มาตรฐาน บริษัทจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ HVA เพิ่มขึ้นในอนาคต ดังนั้นเราจึงเห็นอัพไซด์จากราคาขายและอัตรากำไรขั้นต้นในระยะยาว

เทคโนโลยีล้ำสมัยช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพยิ่งขึ้นและการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด:นอกจากการริเริ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆแล้ว SCGD ยังได้ปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยการอัพเกรดไปใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยใหม่ๆอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งมีเป้าหมายในการหาผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่าและควบคุมต้นทุนการดำเนินงานได้ดียิ่งขึ้น

เจาะตลาดเชิงลึกผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายที่ทั่วถึง: ช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายของบริษัท (ทั้งหน้าร้านและออนไลน์) ช่วยให้บริษัทสามารถเจาะตลาดในเชิงลึก รองรับการเติบโตของลูกค้าและยอดขายจำนวนมาก

ผลิตภัณฑ์และขั้นตอนการผลิตที่ไม่ก่อมลภาวะ บวกด้วย ESG—หนุนการเติบโตในระยะยาว: SCGD ไม่ได้เป็นเพียงผู้เล่น DSB ชั้นนำของอาเซียนเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำในการสนับสนุนความยั่งยืนและการเป็นองค์กรแบบอย่างที่ดี ผู้บริหารให้ความสำคัญต่อประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG)

ผู้บริหารที่มีประสบการณ์และทักษะรอบด้าน: ทีมผู้บริหารมีประสบการณ์และมีทักษะครบทุกด้าน รวมถึงทีมผู้บริหารได้คำปรึกษาจากคณะกรรมการบริหารที่มีความสามารถ

อัตราการเติบโตสะสมเฉลี่ยของกำไรหลักปี 2567-69 ที่แข็งแกร่งถึง 47.3%: เราคาดอัตราการเติบโตสะสมเฉลี่ยของกำไรหลักปี 2567-69 ที่ 47.3% เราคาดกำไรหลักจะผ่านจุดต่ำสุดในปีนี้ และคาดจะเติบโต 113.2% YoY ในปี 2567 ไปเป็น 1.7 พันล้านบาท เมื่อมองไปข้างหน้า เราคาดกำไรหลักจะเติบโต 27.6% YoY ไปเป็น 2.2 พันล้านบาทในปี 2568 และ 17.5% YoY ไปเป็น 2.5 พันล้านบาทในปี 2569 โดยหนุนจากการเติบโตของรายได้ อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น ต้นทุนขายและบริหารที่ลดลง และดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง

EBITDA ที่แข็งแกร่งและการลดอัตราส่วนหนี้สินสร้างความสามรถในการลงทุนในอนาคต: EBITDA ที่แข็งแกร่งและการลดอัตราส่วนหนี้สินภายหลังการ IPO จะทำให้งบดุลของ SCGD แข็งแกร่งขึ้น  ดังนั้นบริษัทน่าจะมีความสามารถในการกู้เงินเพิ่มเพื่อใช้ในการลงทุนและเข้าซื้อกิจการในอนาคตหากมีโอกาส

- Advertisement -