อยู่ในความเสี่ยงทางลง 1580-1610

ตลาดหุ้นวันนี้

  • Panic Sell จากกรณี Evergrande ลามตลาดหุ้นทั่วโลก: คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังคงได้รับผลกระทบจาก Panic Sell ของตลาดหุ้นทั่วโลก จาก 1) ความกังวลผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทอสังหาฯ Evergrande ของจีนว่าอาจมีความเสี่ยงเกิดเป็นวิกฤติเศรษฐกิจ โดยตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งหนัก และ VIX Index พรุ่งขึ้นรุนแรงเกือบเท่ากับระดับเดือน พ.ค.64 แม้ทางฝ่ายจะคาดว่ายังไม่น่าเกิดเป็น Asia Subprime ในรอบนี้ แต่ผลกระทบในเชิง Sentiment ระยะสั้นจะยังมีอยู่ 2) เป็นช่วงเวลาที่ทั่วโลกกำลังจับตาการทำ QE Tapering ของ Fed สัปดาห์นี้ที่น่าจะเห็นแผนการดึงสภาพคล่องในระบบออก และ 3) การขยายเพดานหนี้สาธารณะของรัฐบาล แม้จะดูเป็นบวกต่อความคล่องตัวในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งการบริโภคและการลงทุน แต่ในภาพรวมจะกดดันเงินบาทอ่อนค่า จึงเสี่ยงที่ FundFlow ไหลออกซ้ำเติมสถานการณ์ในระยะสั้นในขณะนี้ โดยรวมทางฝ่ายคาดว่า SET Index อาจยืนเหนือ 1600 จุดไม่ได้ โดยจะลงไปทดสอบแนวรับใหญ่ที่บริเวณ 1580-1590 จุดก่อนแล้วจึงเกิด Technical Rebound ภายหลังได้ในกรอบการเคลื่อนไหววันนี้ระหว่าง 1580-1610 จุด กลยุทธ์การลงทุนทางฝ่ายแนะนำเลือกหุ้นที่มี “ปัจจัยบวกเฉพาะตัว” เน้นทยอยสะสมแนวรับบนหุ้นกลุ่มเปิดเมือง รอความคืบหน้าพิจารณาการผ่อนคลายจากศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 27 ก.ย.64
  • ดอลลาร์แข็งค่า: ดัชนีเงินดอลล่าร์สหรัฐวานนี้พุ่งแตะระดับ 93 จุดอีกครั้งในรอบเกือบ 4 เดือน หลังทั่วโลกลดการถือสินทรัพย์เสี่ยง จากความกังวลประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัท Evergrande ของจีน จะลุกลามเป็นวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหม่ ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐที่เปรียบเสมือนสินทรัพย์ปลอดภัย (SafeHaven) ได้รับความสนใจอีกครั้ง โดยทางฝ่ายมองว่า หากการประชุม FOMC สัปดาห์นี้มีแผนการทำ QE Tapering ที่ชัดเจน และปริมาณการลดวงเงินมากกว่าที่คาดไว้ราว 15,000-20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ Dot Plot เปลี่ยนทิศทางเป็นเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตลาดอาจจะ Panic ได้อีก หนุนดอลลาร์สหรัฐมีโอกาสแข็งค่าต่อได้
  • ขยายเพดานหนี้สาธารณะ: วานนี้คณะกรรมการการเงินการคลังมีมติเห็นชอบขยายเพดานหนี้สาธารณะต่อ GDP ของไทย จากระดับ 60% ไปสู่ระดับ 70% เพื่อรับมือและดูแลภาวะเศรษฐกิจ โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ยืนยันว่าไม่เป็นปัญหา และไทยมีความสามารถในการชำระหนี้สูง อย่างไรก็ดี ทางฝ่ายมองว่าการเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะอาจส่งผลต่อการอ่อนค่าของเงินบาท โดยเช้านี้อ่อนค่าต่อเนื่องใกล้แตะระดับ 33.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ จึงมีความเสี่ยงสูงครึ่งที่ Fund Flow จะไหลออก ส่วนกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากความคล่องตัวของภาครัฐที่มีมากขึ้นในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คือ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศ และการลงทุนที่จะตามมา

Picks of the day

HMPRO BUY

  • ธีมเปิดเมืองยังขายได้: การผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ตั้งแต่ 1 ก.ย.จะส่งผลดีต่อ HMPRO โดยคาด traffic ปรับตัวดีขึ้นตามความต้องการจับจ่ายที่กลับมา และหากภาครัฐทยอยเปิดเมืองตามแผน จะนำสู่ SSSG และรายได้ค่าเช่าที่ฟื้นตัว
  • กำไร 3Q64 ยังอ่อนตัวหากดีขึ้นใน 4Q: คาดเห็นแนวโน้ม 4Q64 ดีขึ้น โดยการเร่งฉีดวัคซีน คาดเพิ่มความเชื่อมั่นผู้บริโภค ทั้งเป็นช่วง High Season การจับจ่าย

SAPPE BUY

  • เงินบาทอ่อนค่า: แนวโน้มเงินบาทอ่อนค่าอีกครั้งแถว 33.50-34.0 บาทต่อดอลลาร์ ประเมินเป็นบวกต่อกลุ่มหุ้น ส่งออก โดยสัดส่วนยอดขายต่างประเทศของ SAPPE อยู่ที่ 60-65%
  • แนวโน้ม 3Q64 ฟื้นตัวต่อสถานการณ์ COVID-19 ในหลายๆประเทศที่ดีขึ้น เป็นช่วง High Season ของส่งออก และปัจจัยหนุนจากค่าเงินบาทอ่อนค่า และในประเทศมีการผ่อนคลายมาตรการ น่าจะทำให้บริโภคค่อยดีขึ้นหนุนกำไร 3Q64 ฟื้นตัวต่อ q-q
- Advertisement -