บล.ทรีนีตี้:
เอราวัณ กรุ๊ป – ERW
คาด 3Q66 ยังสามารถเติบโตได้ YoY และใกล้เคียง 2Q66
- คาดกำไร 3Q66 ที่ 145 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 2% QoQ และพลิกจากขาดทุนที่ 12 ล้านบาทใน 3Q65
- คาดรายได้ที่ 1.75 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 8% QoQ และ 36% YoY จากการฟื้นตัวของกลุ่มท่องเที่ยวทั้งในประเทศและฟิลิปปินส์
- คาด RevPar ของทุกกลุ่มโรงแรมยังคงสมารถเติบโตได้ YoY
- ยังคงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2566-2567 ที่ 697 ล้านบาท และ 769 ล้านบาท ทำกำไรสูงกว่าช่วง Pre-COVID
- ยังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ที่ราคาเป้าหมาย 6.10 บาท
3Q66 Earnings Preview
- คาดกำไร 3Q66 ที่ 145 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 2% QoQ และพลิกจากขาดทุนที่ 12 ล้านบาทใน 3Q65 จากคาดการณ์รายได้ที่ 1.75 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 8% QoQ และ 36% YoY โดยรายได้จากทุกกลุ่มโรงแรมยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องจากอัตราการเข้าพักที่ยังอยู่ระดับสูงกว่า 80% และ ADR ที่สามารถปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- คาด EBITDA Margin ใน 3Q66 ที่ 29% ใกล้เคียง 2Q66 โดยที่มีการรู้ค่าใช้จ่ายของโรงแรมในญี่ปุ่นราว 14 ล้านบาท
- คาด RevPar (Exc. Hop Inn) ปรับตัวสูงขึ้น 12% QoQ และ 52% YoY โดยคาดอัตราเข้าพัก ที่ 85% จาก 80% ใน 2Q66
- คาด RevPar Hop Inn ไทย Flat QoQ แต่ปรับตัวสูงขึ้น 15% YoY จากอัตราเข้าพักที่ 81%จาก 79% ใน 2Q66
- RevPar ของทุกกลุ่มโรงแรมยังคงมีการปรับตัวสูงขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ต่อเนื่องจากอัตราการเข้าพักและ ADR ที่สูงขึ้น
คาดกำไรดีต่อเนื่องในช่วง 2H66
จากมาตรการกรยึดอายุวีซ่านักท่องเที่ยวรัสเซีย จาก 30 วัน เป็น 90 วัน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2566-30 เม.ย. 2567 จะช่วยหนุนการเดินทางของชาวรัสเซียมากขึ้นในช่วง 4Q66 ที่เป็นช่วง High Season ส่งผลกบวกโดยตรงต่อ ERW เนื่องจากโรงแรมที่ภูเก็ตมีจำนวน นักท่องเที่ยวรัสเซียที่กว่า 50% ของรายได้ ทั้งนี้แม้จะเข้าสู่ Low Season ต่อในช่วงไตรมาส 3 แต่เป็น Low Season ที่แข็งแกร่งกว่า Low Season ช่วง Pre-COVID จากทั้งอัตราเข้าพักและ ADR ที่สูงขึ้น หนุน RevPar ให้แข็งแกร่ง เรายังคงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2566-2567 ที่ 697 ล้านบาทและ 769 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งเป็นการเติบโตของกำไรที่สูงกว่าช่วง Pre-COVID
แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ที่ราคาเป้าหมาย 6.10 บาท
ยังคงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 6.10 บาท จากการอิงค่าเฉลี่ย EV/EBITDA ที่ 16X โดยคาดว่าการฟื้นจะโดดเด่นต่อเนื่องเมื่อเทียบ YoY และสามารถรักษาระดับ RevPar ที่สูงกว่าปี 2562 ได้
ปัจจัยเสี่ยง
- ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศอาจส่งผลให้การท่องเที่ยวหดตัว
- ความยืดเยื้อของ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบทั่วโลก
- เศรษฐกิจโลกมีโอกาสเข้าสู่ Recession
- เงินเฟ้อที่ระดับสูงส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง