บล.ทรีนีตี้:
เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส-JMT
คาดกำไร 3Q66 ชะลอ QoQ ยอดจัดเก็บอาจถูกภาพศก.กดดัน
- คาดกำไร 3Q66 ที่ 500 ล้านบาท อ่อนตัว 9%QoQ แต่ยังเติบโต 10%YoY
- คาดยอดจัดเก็บทรงตัวจาก 2Q66 โดยการจัดเก็บจากลูกหนี้เดิมอาจชะลอตัวลงจากภาพเศรษฐกิจ แต่มียอดจัดเก็บจากหนี้ใหม่เข้ามาช่วยชดเชย
- สำรองหนี้อาจเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล
- หากกำไร 3Q66 ออกมาตามคาด จะทำให้กำไรงวด 9M66 โต 20%YoY
- แนวโน้มกำไร 4Q66 จะกลับมาโต QoQ ได้ จาก High Season ของธุรกิจ บวกกับ ECL อาจลดลง แต่ภาพรวมทั้งปีอาจเติบโตไม่ถึงเป้าเดิมที่เราคาดไว้ที่ 30%YoY
- ปรับประมาณการกำไรปี 66-67 ลง 7% และ 13% จากประมาณการก่อนหน้าเพื่อสะท้อนภาพการจัดเก็บกระแสเงินสดที่อาจเติบโตน้อยกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้า
- ให้ราคาเป้าหมายใหม่ 47 บาท ราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงมาสะท้อนภาพเชิงลบไประดับหนึ่งแล้ว ซึ่งหากเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับภาคครัวเรือน คาดว่าราค้าหุ้นจะฟื้นตัวได้ดีอีกครั้งหนึ่ง
คาดกำไร 3Q66 ชะลอตัว ยอดจัดเก็บอาจถูกภาพเศรษฐกิจกดดัน
เราคาดกำไรสุทธิ 3Q66 ที่ 500 ล้านบาท อ่อนตัว 9%QoQ แต่ยังเติบโต 10%YoY โดยคาดยอดจัดเก็บทรงตัวใกล้เคียงกับ 2Q66 ที่ราว 1.5 พันล้านบาท ซึ่งในแง่ของการจัดเก็บจากลูกหนี้เดิมถือว่าชะลอตัวลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ และภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงเป็นปัจจัยกดดัน แต่ยังมียอดจัดเก็บจากหนี้ใหม่ที่ซื้อเข้ามาในช่วง 1H66 เข้ามาช่วยลดผลกระทบ ด้านส่วนแบ่งกำไรจาก JK AMC คาดค่อนข้างทรงตัว QoQ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานคาดเพิ่มขึ้นราว 24%QoQ โดยหลักเป็นการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายสำรองหนี้มาอยู่ที่ราว 120 ล้านบาท จากใน 2Q66 อยู่ในระดับต่ำที่ 56 ล้านบาท จากการทบทวนการตั้งสำรองหนี้ทุกๆ ครึ่งปี โดยหากกำไรงวด 3Q66 ออกมาใกล้เคียงคาด จะทำให้กำไรงวด 9M66 อยู่ที่ราว 1.5 พันล้านบาท เติบโต 20%YoY ต่ำกว่าเป้าที่ทางผู้บริหารให้ไว้ที่ 30%YoY
ปรับประมาณการกำไรปี 66-67 ลง
เราคาดกำไรสุทธิ 4Q66 จะกลับมาเติบโต QoQ ได้จาก High Season ของการจัดเก็บ บวกกับจะมีการทบทวนการตั้งสำรองหนี้ทุกครึ่งปี แต่ภาพรวมกำไรสุทธิ 2566 อาจไม่ถึงประมาณการเดิมที่เราทำไว้ เนื่องจากภาพรวมการจัดเก็บเริ่มชะลอตัว ซึ่งเรามองว่าแรงกดดันจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น และภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตต่ำ จะกดดันการจัดเก็บกระแสเงินสดไปอีกระยะหนึ่งแม้ว่าในฝั่งการซื้อหนี้จะมีโอกาสมากขึ้นก็ตาม โดยการจัดเก็บจะกลับมาสดใสอีกครั้ง ภายหลังภาพรวมเศรษฐกิจโดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับภาคครัวเรือนเริ่มพื้นตัวดีขึ้น เราจึงปรับประมาณการกำไรปี 2566-2567 ลง 7% และ 13% จากประมาณการก่อนหน้ามาอยู่ที่ 2,136 ล้านบาท (+22%YoY) และ 2,577 ล้านบาท (+21%YoY) ตามลำดับ
ราคาหุ้นอ่อนตัวลงสะท้อนปัจจัยลบไประดับหนึ่งแล้ว
จากการปรับประมาณการทำให้เราได้ราคาเป้าหมายปี 2566 ใหม่ที่ 45 บาท แต่ในขณะเดียวกันเรามีการ Roll-over ไปอิงปี 2567 จึงได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 47 บาท อิง PBV 2.67 เท่า โดยราคาหุ้นปัจจุบันอ่อนตัวลงมาสะท้อนภาพเชิงลบไปค่อนข้างมาก เนื่องจากระดับ PBV ลดลงมาเหลือราว 2.13 เท่า ซึ่งเป็นระดับ -1.6sd และเกือบเป็นระดับ all-time-low PBV แล้ว
ความเสี่ยง: อัตราการจัดเก็บหนี้และกระแสเงินสดและการซื้อหนี้ต่ำกว่าที่คาด