“หมดเวลาพัก ได้เวลาลง” / 1420-1440
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- SET เดินหน้าทางลง: โดยถูกกดดันจากการความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการเงินเข้มงวดของเฟด หลังสหรัฐฯเผยตัวเลขศก.แกร่งกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด นำโดยยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้น 0.7% mm ในเดือนก.ย. สูงกว่าตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3%m-m โดยแรงหนุนจากยอดขายรถยนต์และยอดขายของสถานีบริการน้ำมันส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 0.3% m-m ในเดือนก.ย.สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ตลาดที่ 0.1% m-m ทั้งนี้ สอดรับกับ CME FedWatch Tool ซึ่งให้น้ำหนัก 38.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 5.5-5.75%ในรอบการประชุมวันที่ 12-13 ธ.ค. เพิ่มขึ้นจากที่ให้น้ำหนักเพียง 25% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 2 ปี และ 10 ปี ที่ดีดตัวขึ้นทดสอบระดับ 5.24% (สูงสุดในรอบเกือบ 23 ปี) และ 4.86% ตามลำดับ คาดเป็นแรงกดดันต่อ SET Index เช่นกันอย่างไรก็ดี ทางลงของ SET Index คาดถูกจำกัดจาก 1) แรงเก็งกำไรผลประกอบการในหุ้นคาดงบสดใส ซึ่งได้ Sentiment หนุนจากการรายงานผลประกอบการในฝั่งสหรัฐฯ หลัง BofA และ J&J เผยรายได้และ EPS สูงกว่าตลาดคาด และ 2) แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มนิคมฯหลังที่ประชุมกพอ.เคาะแผนสำหรับเป้าหมายเร่งด่วนใน 99 วันของอีอีซี 8 ด้าน เพื่อดึงดูดเงินลงทุนทั่วโลกผ่านอุตฯ เป้าหมายใน 5 คลัสเตอร์หลัก (การแพทย์ดิจิทัล EVBCG บริการ) ขณะที่วันนี้ติดตามการรายงานตัวเลขศก.จีน เพื่อหาสัญญาณการฟื้นตัวของศก. ได้แก่ 1) GDP3Q66 ตลาดคาดขยายตัว 4.5% y-y ชะลอลงจาก 6.3% y-y ใน 2Q66 และ YTD ตลาดคาด 5.0%y-y ซึ่งยังอยู่ในระดับที่เป็นเป้าหมายของรัฐบาลจีน 2) การผลิตในภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. ตลาดคาดขยายตัว 4.4% y-y ชะลอลงจาก 4.5%y-y ในเดือนส.ค. และ 3) การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนก.ย. (YTD) ตลาดคาดขยายตัว 3.2% y-y เท่ากับในเดือนก่อนหน้า
- กลยุทธ์การลงทุน : 1) งบ 3Q66: BBL, BDMS, BH, TTB 2) ท่องเที่ยว: AOT, BA, BEM, BTS, CENTEL, CPN, CRC, ERW และ 3) นิคมอุตสาหกรรม: AMATA, ROJNA, WHA
ปัจจัยบวก
- ม.หอการค้าฯ คาดการส่งออกไทยปี 67 จะพลิกกลับมาขยายตัวได้ 3.6% จากอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยของประเทศต่างๆ มีแนวโน้มชะลอตัวลง ส่งผลให้ความต้องการสินค้ามีมากขึ้น ด้านการส่งออกของไทยใน 4Q66 คาดจะสามารถพลิกกลับมาเป็นบวกได้ที่ 6.8%
- กองศก.การท่องเที่ยวและกีฬาเผยประเทศไทยมีจำนวนนทท.ต่างชาติสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค.- 15 ต.ค. 66 จำนวน 21 ล้านคน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนทท.ต่างชาติแล้ว 8.82 แสนลบ.
- สหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติสหรัฐฯ คาดว่าการใช้จ่ายช่วงเทศกาลวันฮาโลวีนในสหรัฐฯในปี 66 จะแตะที่ระดับ 1.22 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าสถิติของปีที่แล้วที่ 1.06 หมื่นล้านดอลลาร์
ปัจจัยลบ
- SET Index ยังคงถูกกดดันจาก Fund Flow หลังสถานะของนักลงทุนต่างชาติในทางหลักยังคงเป็นขายสุทธิ โดยขายสุทธิ MTD 9,742 ลบ. ซึ่งเป็นการขายสุทธิ 8 ใน 11 วันทำการของเดือนต.ค.
- คณะบริหารของปธน.โจ ไบเดน ประกาศแผนระงับการส่งออกชิป AI ที่ผลิตโดยบริษัทอินวิเดียและบริษัทอื่นๆให้กับจีนเพื่อขัดขวางไม่ให้จีนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยของสหรัฐฯ เพราะกังวลว่าจีนอาจจะนำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปใช้ในการพัฒนากองทัพ
- Counterpoint Research รายงานว่าตลาดสมาร์ตโฟนทั่วโลกหดตัวลง 8% แตะระดับต่ำสุดในไตรมาส 3 ในรอบ 10 ปี เนื่องจากดีมานด์ซบเซา ลงสำหรับสมาร์ตโฟนแบรนด์หลัก ซึ่งรวมถึงแอปเปิ้ลและซัมซุงในตลาดของประเทศพัฒนาแล้ว
PICKS OF THE DAY
ERW BUY
- เป้าหมาย 27.00 / 28.00 แนวรับ 25.50
- คาดกำไร 3Q66 โตต่อ: คาดกำไรใน 3Q66 ยังคงโตต่อจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวเข้าสู่ช่วง High Season หนุนโรงแรม ระดับหรูกลับมาฟื้นตัวได้ดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่ม OCC Rateของโรงแรมหรูเป็น 77% จาก 75% ใน 2Q66
- ภาพรวมกำไร 2H66 ดีกว่า 1H66: ทางฝ่ายยังคงมีมุมมองเชิงบวกกับการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติใน 2H66 จากการออกมาตราการฟรีวีซ่าซึ่งเริ่มวันที่ 25 ก.ย.66-ก.พ.67 คาดส่งผลให้รายได้จากโรงแรมในทุกระดับปรับตัวสูงขึ้น
AMATA BUY
- เป้าหมาย 5.50 / 5.8 แนวรับ 5.20
- ได้ประโยชน์จากแผนดึงเงินลงทุน: หลังที่ประชุม กพอ. มีแผนดึงการลงทุน 5 คลัสเตอร์หลัก ซึ่งครอบคลุมธุรกิจที่ทันสมัยทั้ง Data Center, รถยนต์ BEV เป็นต้น จะช่วยดึงดูดต่างชาติให้ลงทุนในไทยมากขึ้น นอกเหนือไปจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ที่สนับสนุนให้ต่างชาติย้ายฐานการผลิตสู่ไทย ซึ่งมี Supplier และ Part ชิ้นส่วนรถยนต์ญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
- รายได้ค่าสาธารณูปโภคมีโอกาสขยายตัวสูงขึ้น: โดยคาดช่วง 2H66 จะดีกว่าช่วง 1H66 จากความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวทาง ศก. กอปรกับกำลังการผลิตเต็มศักยภาพมากขึ้น (y-y) จากปีนี้ไม่มีการหยุดการผลิตเนื่องจากโรคระบาด
- Advertisement -
