บล.ทิสโก้:

ERW : ธุรกิจโรงแรมคาดว่าจะดีขึ้นตามฤดูกาล แต่ต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการเปิดให้บริการใหม่

พรีวิว 3023 : ต้นทุนเพิ่มก่อนเปิดอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่น กดดันผลประกอบการใน 3Q

เราคาดว่า ERW จะรายงานกำไร 3Q23 ที่ 137 ล้านบาท พลิกฟื้นจากขาดทุน 12 ล้านบาทในปีที่แล้ว แต่ลดลง 3% QoQ แม้ว่าเราคาดว่าการดำเนินงานจะดีขึ้น QoQ ตามฤดูกาล แต่ ERW จะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในญี่ปุ่น หากไม่รวมค่าใช้จ่ายในการลงทุนเหล่านี้ เราคาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น 13% QoQ

โดยรวมแล้ว RevPAR (นอกจาก Hop Inn) คาดว่าจะดีขึ้น 6% QoQ จากทั้งการปรับปรุงทั้งอัตราการเข้าพักและอัตราห้องพัก คาดว่าจะเห็นการพัฒนาขึ้นในทุกกลุ่ม แต่จะมีมากขึ้นในกลุ่ม luxury สาเหตุหลักมาจากฤดูกาล สำหรับ Hop Inn ประเทศไทย เราคาดว่าการเติบโตจะค่อนข้างทรงตัว โดยพิจารณาจากราคาอัตราการเข้าพัก (occ) และค่าห้องพัก สำหรับโรงแรมในฟิลิปปินส์ เราคาดว่า RevPAR จะเพิ่มขึ้น 10% จากทั้งอัตรา occ และอัตราค่าห้องพัก ในส่วนของรายได้จากการเช่า ERW พบว่ามีส่วนแบ่งที่ดีขึ้นจากศูนย์การค้าเอราวัณกรุงเทพ ตั้งแต่เปิดในเดือนมิถุนายน เนื่องจากอัตรา occ สูงถึง 50% แล้ว เราคาดว่ารายได้จากการเช่าใน 3Q จะสูงถึง 50% ของระดับปี 2019

เมื่อพิจารณาความสามารถในการทำกำไร เราคาดว่าอัตรากำไร EBITDA จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ เป็น 29.9% เนื่องจากกำไรหลัก ช่วยครอบคลุม SGA ที่เพิ่มขึ้น (20 ล้านบาท ในต้นทุนก่อนเปิดของ Japan Hop Inn) อย่างไรก็ตาม สำหรับผลกำไร เราสังเกตว่า 3Q23 น่าจะมีการอ่อนค่ามากขึ้น (จากค่าใช้จ่ายการเปิดและเช่าโรงแรมเอราวัณกรุงเทพ 1 แห่งในญี่ปุ่น) และดอกเบี้ยจ่าย (ดอกเบี้ยจ่ายของโรงแรม 1 แห่งในญี่ปุ่น)

คงคำแนะนำ “ซื้อ” : ราคาหุ้นอ่อนตัวแต่พื้นฐานยังแข็งแกร่ง

เราชอบ ERW มากที่สุดในบรรดาโรงแรมที่เราวิเคราะห์ เนื่องจากเราชอบลงทุนในประเทศไทยซึ่งได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว (สะท้อนให้เห็นจากการขยายอัตราค่าห้องพักอย่างต่อเนื่อง) การขยายตัวของ Hop Inn ทำให้เกิดความหลากหลายและการเปิดรับภายในประเทศ หลีกเลี่ยงความผันผวนในปัจจัยภายนอก เช่น ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล – ปาเลสไตน์ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย – ยูเครน และความอ่อนแอด้านการท่องเที่ยวทั่วโลก/การต่อสู้ทางเศรษฐกิจ ราคาหุ้นลง 9% MTD แม้จะมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ย้ำ “ซื้อ” มูลค่าที่เหมาะสม 5.90 บาท

- Advertisement -