บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)

Star Petroleum Refining (SPRC) 3Q66 Turnaround แต่ยังดีไม่สุด

Action TRADING (Maintain)

  • TP upside (downside) +26.7%
  • Close Oct 17, 2023 Price (THB) 8.05
  • 12M Target (THB) 10.20
  • Previous Target (THB) 10.00

What’s new?

  • คาด 3Q66 จะมีกำไรสุทธิ 4.1 พันล้านบาท พลิกจากขาดทุน 2.1 – 5.0 พันล้านบาทใน 2Q66 และ 3Q65 เป็นไปตามภาวะอุตสาหกรรมที่เอื้อต่อธุรกิจการกลัน ได้แก่ 1) ค่าการกลั่นปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางต้นทุนน้ำมันที่ลดลง 2) ค่าขนส่งปรับตัวลง 3) กำไรสต็อกน้ำมันจำนวนมาก
  • ทั้งนี้ เรามองว่าการเติบโตของกำไร 3Q66 บางส่วนยังถูกถ่วงด้วยแผนปิดซ่อมบำรุง 2 ครั้ง ทำให้อัตราการกลั่นลดลง และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

Our view

  • ปรับกำไรสุทธิปี 2566 ขึ้น 54% เป็น 3.0 พันล้านบาท โดยรวมกำไรสต็อกช่วง 9M66 และขยับสมมติฐานค่าการกลั่นขึ้น ราคาเหมาะสมใหม่ 10.20 บาท
  • แนวโน้ม 4Q66 ลดลง QoQ ตามทิศทางค่าการกลั่น, การปิดซ่อมบำรุงนอกแผน, ความล่าช้าของการใช้งานท่อ SPM รวมทั้งมีความเสี่ยงกำไร/ขาดทุนสต็อก
  • คงคำแนะนำ TRADING ลุ้นการฟื้นตัวจากงบ 3Q66 ทั้งนี้ มองว่า TOP เป็นโรงกลั่นที่น่าสนใจมากกว่า เพราะผลิตภัณฑ์เด่นของ SPRC (น้ำมันเบนซิน) กำลังเข้าสู่ Low Season ใน 4Q66 – 1Q67

3Q66 พลิกเป็นกำไรตามภาวะอุตสาหกรรม…แต่สามารถดีได้มากกว่านี้

คาด 3Q66 จะสามารถพลิกเป็นกำไรสุทธิ 4.1 พันล้านบาท (จากขาดทุน 2.1 พันล้านบาทใน 2Q66 และขาดทุน 5.0 พันล้านบาทใน 3Q65) สอดคล้องสภาพแวดล้อมในอุตสาหกรรมที่เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจโรงกลั่น เราประเมิน 1) ค่าการกลั่นจะทำได้ US$8.2/bbl (+512% QoQ, +37% YoY) หนุนจากการเพิ่มขึ้นของ Crack Spread น้ำมันสำเร็จรูปหลักทุกชนิด โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ขั้นกลางที่ได้อานิสงส์จากแผนหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นหลายแห่งทั่วโลก, ปริมาณสำรองน้ำมันอยู่ระดับต่ำ รวมทั้งอุปสงค์น้ำมันเบนซินอยู่ในช่วง Driving Season ของสหรัฐฯ 2) อานิสงส์บวกจากการปรับตัวลงของต้นทุนน้ำมัน (Crude Premium) และ ค่าขนส่ง 3) กำไรสต็อกน้ำมันสูง 3.5 พันล้านบาท ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หลังจากซาอุฯ – รัสเซียขยายเวลาลดอุปทานแบบสมัครใจ อย่างไรก็ตาม เรามองว่าการเติบโตของผลประกอบการ 3Q66 จะถูกถ่วงด้วยแผนการปิดซ่อมบำรุงหน่วย DHTU (ผลิตน้ำมันดีเซล) และหน่วย RFCCU (ผลิตน้ำมันเบนซิน) ส่งผลให้อัตราการกลั่นคาดเหลือ 143kbd (-10% QoQ, -8% YoY) รวมทั้งคาดว่าบริษัทฯ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น +10% QoQ จากทั้งค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน และผลกระทบจากอัตรากลั่นที่ต่ำลง

ปรับประมาณการปี 2566 ขึ้น

หาก 3Q66 เป็นไปตามคาด งบ 9M66 จะทำได้สูงกว่าประมาณการทั้งปีที่เราประเมินไว้ก่อนหน้า เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ขึ้น 54% โดยปรับสมมติฐานหลักด้วยการรวมกำไรสต็อกน้ำมันช่วง 9M66 เข้ามาไว้ในประมาณการ และขยับสมมติฐานค่าการกลั่นขึ้นเป็น US$5.3/bbl (จากเดิม US$4.8/bbl) ส่งผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2566 อยู่ที่ 3.0 พันล้านบาท โดยประมาณการของเราอยู่บนสมมติฐาน 4Q66 ที่ระมัดระวัง ทั้งการชะลอตัวของค่าการกลั่น และโอกาสขาดทุนสต็อกน้ำมัน

3Q66 เป็นจุดสูงสุดของปี…4Q66 อยู่บนความไม่แน่นอน

สำหรับ 4Q66 แม้เราคาดอัตราการกลั่นจะฟื้นตัว QoQ จากกิจกรรมการปิดซ่อมบำรุงที่ลดลง (เหลือเพียงการปิดซ่อมบำรุงนอกแผนหน่วย RFCCU ช่วงต้นเดือนต.ค. 15-20 วัน เทียบกับใน 3Q66 ที่มีแผนหยุดซ่อมหน่วย DHTU 22 วัน และหน่วย RFCCU 10 วัน) อย่างไรก็ตาม แนวโน้มกำไร 4Q66 จะลดลง QoQ จาก 1) การปรับตัวลงสู่ระดับปกติของค่าการกลั่น โดยเฉพาะการอ่อนตัวของ Crack Spread น้ำมันเบนซินหลังผ่านช่วง Driving Season ในสหรัฐฯ 2) ต้นทุนน้ำมัน และค่าขนส่งมีทิศทางเพิ่มขึ้น QoQ 3) ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล รวมทั้งมีความไม่แน่นอนจากการบันทึกกำไร/ขาดทุนสต็อกน้ำมัน

Crack Spread น้ำมันเบนซิน (ผลิตภัณฑ์เด่น) ผ่านช่วงดีไปแล้ว

ประเมินราคาเหมาะสมใหม่ที่ 10.20 บาท อ้างอิง PBV ที่ 1.0 เท่า (คงเดิม) คงคำแนะนำ TRADING เพื่อลุ้นการฟื้นตัวจากงบ 3Q66 อย่างไรก็ตาม มองว่า TOP เป็นตัวเลือกโรงกลั่นที่น่าสนใจมากกว่า เนื่องจากแนวโน้ม Crack Spread น้ำมันเบนซิน (ผลิตภัณฑ์เด่นของ SPRC) จะอ่อนแอกว่าผลิตภัณฑ์กลุ่ม Middle Distillates เนื่องจากกำลังเข้าสู่ Low Season ในฤดูหนาว (4Q66 – 1Q67) รวมทั้ง Sentiment ลบจากแผนปิดซ่อมบำรุงนอกแผนของหน่วย RFCCU (แจ้งตลาดเมื่อต้นเดือนต.ค.) และความล่าช้าของการกลับมาใช้งานท่อขนส่ง SPM เชิงกลยุทธ์มองว่านักลงทุนอาจรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้งช่วงต้นปีหน้า หลังผ่านช่วง Low Season ของน้ำมันเบนซิน และรับรู้เงินปันผลงวดปี 2566 เต็มที่ (คาดรายงานงบ 3Q66 วันที่ 8 พ.ย.)

- Advertisement -