SCL เคาะราคา IPO 1.54 บ./หุ้น จองซื้อ 25 – 27 ต.ค.นี้ ระดมทุนเสริมความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน ปักธงผู้จัดจำหน่ายอะไหล่ชั้นนำของประเทศ
SCL เคาะราคาขาย IPO ที่หุ้นละ 1.54 บาท ประกาศแต่งตั้ง บล. ฟินันเซีย เป็น Lead–Underwriter พร้อม Co–Underwriter 4 แห่ง เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อวันที่ 25 – 27 ต.ค.นี้ โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับการเติบโต และชำระคืนเงินกู้ เพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่ายเสริมความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน มั่นใจผลตอบรับดี จากปัจจัยพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง เป็นหนึ่งในตัวแทนจำหน่ายอะไหล่รายใหญ่ของประเทศด้วยประสบการณ์ที่คร่ำหวอดในวงการอะไหล่รถยนต์มาเกือบ 6 ทศวรรษ คาดเทรด mai 1 พ.ย. นี้
โดย บริษัท เอส.ซี.แอล.มอเตอร์ พาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SCL เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 70,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 28% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ ได้แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย พร้อมแต่งตั้ง ผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน อีก 4 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด , บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)
ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เปิดเผยว่า บริษัท เอส.ซี.แอล.มอเตอร์ พาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SCL ได้กำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่ 1.54 บาทต่อหุ้น เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อในวันที่ 25–27 ตุลาคม 2566 และคาดว่า SCL จะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจ สินค้าอุตสาหกรรม (INDUS) ในวันที่ 1พฤศจิกายน 2566 ในชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า “SCL”
สำหรับราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 1.54 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) ที่ประมาณ 13.45 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ถึง วันที่ 30 มิถุนายน 2566) มั่นใจว่า ภายหลังเสนอขายหุ้น IPO และเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการขยายธุรกิจ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายครอบคลุมทุกชิ้นส่วนของรถยนต์ทั้งที่เป็นชิ้นส่วนอะไหล่ของค่ายรถยนต์ต่างๆ ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยอย่างครบถ้วน เช่น ISUZU, MITSUBISHI, TOYOTA, HONDA, FORD, NISSAN รวมถึงอะไหล่รถยนต์ทดแทนที่ได้มาตรฐานของผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ที่ได้รับการยอมรับ เช่น AISIN, KAYABA, DENSO
ด้วยจุดเด่นที่น่าสนใจของ SCL ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์อย่างครบวงจร ที่พร้อมเติบโตไปกับจำนวนรถยนต์สะสมของประเทศ ซึ่งมีความต้องการชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์เพื่อการทดแทนชิ้นส่วนยานยนต์ที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน หรือที่เกิดความสึกหรอตามระยะทางการใช้งาน ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรถยนต์ที่มีอายุมากกว่า 5 ปีขึ้นไปที่จะมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอะไหล่และชิ้นส่วนฯ เฉลี่ยสูงกว่ารถยนต์ที่มีอายุการใช้งานน้อยกว่า 5 ปีถึง 35%
นายสกล ตั้งก่อสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส.ซี.แอล.มอเตอร์ พาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SCLเปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายการเติบโต และยกระดับองค์กรสู่ความเป็นมืออาชีพ ในฐานะหนึ่งในผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจมากว่า 58 ปี โดยเป็นหนึ่งในตัวแทนจำหน่ายอะไหล่รายใหญ่ของ ISUZU การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในครั้งนี้ จึงเป็นหมุดหมายที่สำคัญที่จะช่วยสร้างการเติบโตและเสริมความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน ในการก้าวเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายอะไหล่ยานยนต์ที่ได้มาตรฐานอย่างครบวงจร โดยเงินระดมทุนที่ได้จำนวนประมาณ 107.80 ล้านบาท จะนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ยืม จำนวน 50 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานเพื่อช่วยเสริมสร้างการเติบโต
สำหรับโครงการในอนาคตของ SCL เตรียมก่อสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่พื้นที่คลังสินค้าประมาณ 2,000 ตร.ม.
เพื่อรองรับการจัดเก็บสินค้าได้เพิ่มขึ้น 50% โดยคาดว่าการก่อสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่จะเริ่มในปี 2567–2568และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2568–2569 ช่วยสนับสนุนการให้บริการลูกค้าที่สะดวกและรวดเร็วขึ้นรวมถึงรองรับการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต
ทั้งนี้ SCL เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ครบวงจร สำหรับตลาดผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์เพื่อการทดแทน (Replacement Equipment Manufacturer: REM) มีผลิตภัณฑ์อะไหล่ มากกว่า 167,000 รายการ ครอบคลุมหลากหลายค่ายรถยนต์ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเป็นผู้จัดจำหน่ายอะไหล่ทดแทนที่ได้มาตรฐานของผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ที่ได้รับการยอมรับ พร้อมตอบโจทย์ลูกค้าทั่วประเทศ ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากกว่า 1,600 ราย
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังวางกลยุทธ์ มุ่งมั่นในการสรรหาผลิตภัณฑ์และบริการที่ทันสมัยที่เหมาะสมกับอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างต่อเนื่อง โดยการมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ทดแทนมากยิ่งขึ้น รวมถึง การขยายช่องทางออนไลน์ ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงสอดรับเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัล และเพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจ บริษัทฯ ได้ขยายขอบเขตของกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่จัดจำหน่ายไปยังชิ้นส่วนอะไหล่ของยานพาหนะชนิดอื่น และล่าสุดได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว (Sole Distributor) อะไหล่รถเพื่อการเกษตรของ CLASS ในประเทศไทย และยังไม่หยุดนิ่งในการขยายฐานลูกค้าเพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค
ในด้านภาพรวมผลประกอบการ 3 ปีที่ผ่านมา (ในปี 2563 – 2565) SCL มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 1,224.27ล้านบาท 1,256.85 ล้านบาท และ 1,352.61 ล้านบาท ตามลำดับ มีกำไรสุทธิ 22.03 ล้านบาท 27.32 ล้านบาท และ 39.91 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ ผลการดำเนินงาน 6เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้จากการขาย 738.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.91% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 11.78 ล้านบาท