ยังไม่เห็นแสงสว่าง / 1,380–1,410

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET ประคองตัวไม่ไหว : โดยถูกดันจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ร่วงลง 2.9% ปิดที่ $85.49 ต่อบาร์เรล ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานวันนี้ หลังนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่จะมีต่ออุปทานน้ำมัน เนื่องจากมีสัญญาณบวกดังนี้ 1) ผู้นำสหรัฐฯ แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี ได้ออกมากเรียกร้องให้ฝ่ายต่างๆ ปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและการรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ และ 2) สหรัฐฯ ได้แนะนำอิสราเอลให้ชะลอการใช้ปฏิบัติการภาคพื้นดินในการโจมตีฉนวนกาซาออกไป เพื่อให้มีเวลาช่วยเหลือตัวประกัน และเพื่อเปิดทางให้ส่งความช่วยเหลือแก่ชาวปาเลสไตน์ กอปรกับ SET Index ยังมีแนวโน้มถูกกดดันเพิ่มเติมจาก 1) หุ้น Big Cap.สอดรับกับทิศทางหลักของ Fund Flow ที่ยังคงไหลออก หลัง SET Index ไร้ปัจจัยที่เด่นชัดมากพอที่จะดึงดูดเงินลงทุนต่างชาติ ผู้ซึ่งขายสุทธิ 10 ใน 14 วัน ทำการของเดือนนี้ และคิดเป็นมูลค่าขายสุทธิ 1 หมื่นลบ. MTD นอกจากนี้ระมัดระวังแรง Force Close ของนักลงทุนรายย่อยที่อาจเกิดขึ้นในวันนี้ หลังเมื่อวันที่ 19 ที่ผ่านมา SET Index ได้ร่วงลงกว่า 1.66% อย่างไรก็ดี SET Index ยังพอมีแรงพยุงในเชิง Sentiment หลังบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเริ่มผ่อนคลายลง ทั้งจาก 1) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 2 ปี และ 10 ปีที่เริ่มพักการขึ้นและร่วงลงทดสอบระดับ 5.04% และ 4.83% ตามลำดับ และ 2) สัญญาณเชิงบวกเกี่ยวกับตะวันออกกลาง ขณะที่วันนี้ ติดตาม 1) การประชุมบอร์ดเงินดิจิทัล หากยังไม่เกิดความชัดเจน โดยเฉพาะประเด็นแหล่งที่มาของวงเงินงบประมาณจะเป็นแรงกดดันต่อ SET Index โดยเฉพาะต่อหุ้นในกลุ่มจับจ่ายใช้สอยและเกี่ยวเนื่อง และ 2) ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนต.ค.จากยุโรปและสหรัฐฯ เพื่อประเมินแนวโน้มศก.ของชาติตะวันตก
  • กลยุทธ์การลงทุน : 1) นิคมอุตฯ: AMATA, WHA 2) Defensive/selective play: ADVANC, BCH, BH, CHG, COCOCO, KBANK และ 3) สะสมระยะยาวในหุ้น P/BV ต่ำ: BBL, BCPG, CPF, PSL, SPALI และหุ้นปันผลดี+สม่ำเสมอ: KKP, LH, TCAP, SIRI, TISCO

ปัจจัยบวก

  • ธนาคารออมสินเผยว่าพร้อมรับนโยบายก.การคลังในการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์หรือเอเอ็มซี เพื่อรับซื้อหนี้เสียจากธนาคารของรัฐ โดยแนวทางดังกล่าวจะช่วยแก้ไขปัญหาหนี้เสียในระบบได้ ซึ่งจะส่งผลให้ระดับหนี้ครัวเรือนลดระดับลงได้
  • ธนาคารดอยซ์แบงก์ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางศก.ของอังกฤษในปี 66 สู่ระดับ 0.5% จาก 0.3% ก่อนหน้านี้ และคาดว่าจะหลีกเลียงภาวะถดถอยได้ในปีหน้า

ปัจจัยลบ

  • ส.อ.ท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.อยู่ที่ระดับ 90.0 ปรับตัวลดลงจาก 91.3 ในเดือนส.ค.ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เป็นผลมาจากภาคการผลิตที่ชะลอตัวจากกำลังซื้อในประเทศอ่อนแอลง อุปสงค์จากประชาศคู่ค้าชะลอตัวตามภาวะศก.โลก และต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น
  • สหรัฐฯ เผยขาดดุลงบประมาณ 1.695 ล้านล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 66 พุ่งขึ้น 23% จากปี 65 เนื่องจากรัฐบาลมีรายได้ลดลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านประกันสังคมประกันสุขภาพ และอัตราดอกเบี้ยหนี้สินของรัฐบาลเพิ่มสูงขึ้น
  • ก.พาณิชย์เผยการส่งออกผลิตภัณฑ์แกรไฟต์ แบบที่มีความบริสุทธิ์สูง มีความแข็งสูง และมีความเข้มข้นสูง ตลอดจนเกล็ดแกรไฟต์ธรรมชาติจะมีการตรวจสอบใบอนุญาตส่งออกอย่างละเอียด ตั้งแต่วันที่ 1ธ.ค.ซึ่งอาจส่งผลให้อุตสาหกรรมแบตเตอรี่โลกได้รับแรงเสียดทานอย่างหนัก

PICKS OF THE DAY

KBANK BUY
  • เป้าหมาย 132.00 / 133.50 แนวรับ 127.00
  • การปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์เริ่มส่งผล: ความพยายามในการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ อาจจะทำให้สินเชื่อของ KBANK ในปีนี้ไม่ได้โตตามเป้า แต่ก็ทำให้ NPL ลดต่ำลง และ KBANK ได้เริ่มการลดระดับการตั้งสำรองลง ซึ่งช่วงที่เหลือของปี รวมไปถึงปี 67 การตั้งสำรองจะลดลงจากปี 66 ประกอบกับจะมีรายได้จากหนี้สูญได้รับคืนเพิ่มขึ้น
  • ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเพิ่ม: จากความพยายามในการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ รวมไปถึงการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ส่งผลให้ส่วนต่างเพิ่มสูงขึ้นเป็น 3.78% จาก 3.63% ณ สิ้นปี 65
WHA BUY
  • เป้าหมาย 5.55 / 5.75 แนวรับ 5.20
  • เตรียมปิดดีล Changan: โดยทางบริษัทเตรียมเซ็นสัญญาตั้งโรงงานผลิตรถ BEV ในไทยวันที่ 26 ต.ค. นี้ นอกจากนี้ ยังมีบริษัทรถยนต์จากจีนหลายบริษัทให้ความสนใจตั้งโรงงานในไทยเพื่อเป็น Hub ของยานยนต์ BEV ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งไทยมี ความพร้อมด้าน Supplier สนับสนุนแข็งแกร่ง ขณะที่ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่มีในหลายพื้นที่ เป็นอีกแรงสนับสนุนให้ภาคธุรกิจย้ายฐานการผลิตสู่ไทย
  • รายได้ค่าสาธารณูปโภคในนิคมยังฟื้นตัวต่อเนื่อง: โดย WHA ในงวด 2Q66 มีรายได้ส่วนนี้ที่ 787 ลบ. (+19%y-y) จากกำลังการผลิตในนิคมที่เพิ่มขึ้น หลังอุปสงค์สินค้าและกำลังการผลิตฟื้นตัวหลังจบโควิดไปแล้ว
- Advertisement -