บล.บัวหลวง:
Supalai (SPALI TB / SPALI.BK)
SPALI – ยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัวของกลุ่มบ้านระดับกลาง
กลุ่มตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางยังไม่ฟื้นตัว เราปรับลดประมาณการกำไรของ SPALI ในปี 2566 ลง 12% และ 18% สำหรับปี 2567 เพื่อสะท้อนคาดการณ์การเปิดตัวโครงการใหม่ ยอดจองซื้อรายได้ และอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง ประมาณการกำไรไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท ลดลง 47% YoY และ 14% QoQ ราคาเป้าหมายใหม่ปี 2567 ของเราอยู่ที่ 23.5 บาท
มุมมองของผู้บริหารต่ออุตสาหกรรม-ไตรมาส 3/66 น่าผิดหวัง
ในไตรมาส 3/66 SPALI พบว่าอัตราการเข้าชมโครงการเพื่อซื้อลดลง เนื่องจากความเชื่อมั่นของตลาดที่อ่อนแอลง เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ความเชื่อมั่นของผู้ซื้อที่ลดลง และการเติบโตของ GDP ที่ซะลอตัว ตัวเลขการเข้าชมโครงการในไตรมาส 3/66 ถือเป็นไตรมาสต่ำสุดของปีนี้ โดยเฉพาะการชะลอตัวในเดือนก..ม-ส.ค. 2566 ดังนั้น เราจึงคาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ของ SPALI อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท ลดลง 47% YoY และ 14% QoQ รายได้จากโครงการที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มลดลง 35% YoY และ 11% QoQ มาอยู่ที่ 7.2 พันล้านบาทในไตรมาส 3/66 เนื่องจากยอดจองซื้อที่ลดลงและการโอนที่ดินในออสเตรเลียที่ลดลง อัตรากำไรขั้นต้นจากการขายโครงการที่อยู่อาศัยจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 35.8% ในไตรมาส 3/66 จาก 35% ในไตรมาส 2/66 แต่ลดลงจาก 39.6% ในไตรมาส 3/65 เราคาดส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมทุนในออสเตรเลียลดลง 41% YoY และ 61% QoQ มาอยู่ที่ 50 ล้านบาท
เราปรับลดประมาณการกำไรหลักปี 2566-67
เราปรับลดประมาณการกำไรหลักปี 2566 ลง 12% เหลือ 5.9 พันล้านบาท (ลดลง 24% YoY) เพื่อสะท้อนคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงสำหรับโครงการในออสเตรเลีย (และเราปรับลดประมาณการกำไรหลักปี 2567 ลง 18% มาอยู่ที่ 6.1 พันล้านบาท แต่เพิ่มขึ้น 2% YoY) เราปรับลดประมาณการรายได้ปี 2566 เหลือ 3.2 หมื่นล้านบาท (ต่ำกว่าเป้าหมายของ SPALI 12.5%) ลดลง 10% YoY และปรับลดประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นลง 70bps มาอยู่ที่ 35.8% (เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นของโครงการในออสเตรเลียอยู่ที่ 25-30% เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าโครงการไทย 30-40%) เราปรับเพิ่มอัตราส่วนค่าใช้จ่ายและบริหารขึ้น 10bps มาอยู่ที่ 11.9% ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้าง ” influencers ” เพื่อโปรโมตโครงการใหม่และรายได้ที่ลดลง
ผู้บริหารปรับลดแผนเปิดตัวโครงการใหม่ปี 2566
SPALI ปรับลดโครงการเปิดใหม่ในปี 2566 ลง 12.9% เหลือ 31 โครงการ มูลค่ารวม 3.6 หมื่นล้านบาทจาก 4.1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทเลื่อนโครงการใหม่บางโครงการที่จะเปิดตัวในไตรมาส 4/66 ไปเป็นปี 2567 เนื่องจากการเตรียมการที่ใช้เวลานานมากขึ้น แม้ว่ผู้บริหารจะปรับลดแผนเปิดตัวโครงการใหม่ แต่ SPALI ยังคงเป้าหมายยอดจองซื้อไว้ที่ 3.6 หมื่นล้านบาทในปี 2566 (แต่เราตั้งเป้าไว้ที่ 3.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมาย 14%)
เผยแผนเปิดตัวโครงการใหม่ปี 2567
SPALI เผยการเปิดตัวโครงการใหม่ที่มูลค่ากว่า 4.1 หมื่นล้านบาทในปี 2567 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดใหม่ (เทียบ กับประมาณการของเราที่ 3.7 หมื่นล้านบาท) บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มเติมในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งคิดเป็น 50% ของการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่และโครงการใหม่เพิ่มเติมในกลุ่มระดับไฮเอนด์ คอนโด 5 โครงการ รวมถึง SPALI ไอคอน สาทร จะแล้วเสร็จและเริ่มโอนได้ในปี 2567 อัตราการจองซื้อเฉลี่ยของโครงการคอนโดที่จะโอนในปี 2567 อยู่ที่เพียง 27% ซึ่งต่ำกว่า 95% ในปี 2565โดยรายได้ในปี 2567 จะได้รับแรงหนุนจาก Backlog จำนวน 8.9 พันล้านบาท ยอดขายบ้านแนวราบที่สูงขึ้นและยอดขายโครงการคอนโดพร้อมเข้าอยู่