ยังไม่น่าไว้วางใจ / 1,360-1,385

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET พยายามฟื้นในช่วงสั่น : โดยได้แรงหนุนเชิง Sentiment จากการที่ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นการช่วยลดแรงกดดันและคลายความกังวลต่อภาวะศก.ในยูโรโซน กอปรกับคาด SET Index จะมีแรงเก็บสะสมหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาปรับตัวลงมามากแล้ว สอดรับกับมุมมองของผจก.ตลท.ซึ่งเผยว่าหากปิจจัยลบในต่างประเทศคลี่คลาย ก็จะมีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะพลิกกลับมาได้ เพราะปัจจัยพื้นฐานของประเทศไม่ได้มีปัญหาด้านแรงกดดันต่อ SET Index คาดมาจากความกังวลนโยบายการเงินที่เข้มงวดในฝั่งสหรัฐฯ หลังสหรัฐฯ เผย GDP (Annualized q-q) 3Q66 ขยายตัวสูงถึง 4.9% ซึ่งเป็นการขยายตัวแข็งแกร่งที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี แม้บ่งชี้ว่าศก.สหรัฐฯจะรอดพ้นจากภาวะถดถอย แต่ได้กระตุ้นความกังวลว่าศก.ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ อาจจะทำให้ Fed ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คิด และอีกตัวเลขศก.ที่บ่งชี้ถึงความแกร่งของสหรัฐฯ ได้แก่  ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนก.ย.โดยพุ่งขึ้น 4.7% m-m สูงกว่าตลาดคาดที่ 1.9% m-m และพลิกจากที่หดตัว 0.1% m-m ในเดือนส.ค. นอกจากนี้ คาด SET Index จะถูกกดดันจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน ตามราคาน้ำมั้นดิบที่ร่วงลง 2.55% ปิดที่ $83.21 ต่อบาร์เรล หลังวอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่าอิสราเอลได้ชะลอการใช้ปฏิบัติการภาคพี้นดินโจมตีฉนวนกาซา ตามคำขอของทางการสหรัฐฯ ทำให้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มลดลง ขณะที่คืนนี้ติดตามการรายงานดัชนี PCE เดือนก.ย.ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงทิศทางนโยบายการเงินของ Fed โดยตลาดคาดขยายตัว 3.4% y-y และ 0.3% m-m ชะลอลงจาก 3.5%y-y และ 0.4%m-m ในเดือนส.ค. และในสัปดาห์หน้าติดตามการประชุมของธนาคารกลางหลัก ได้แก่ Fed, BoE และ BoJ
  • กลยุทธ์การลงทุน : 1) งบ 3Q66: PTTGC, QH, TCAP 2) Selective: BTS, CK, KSL, SCGP, TASCO, WHA และ 3) สะสมระยะยาวในหุ้น P/BV ต่ำ: BBL. BCPG. CPF. PSL. SPALI และหุ้นปันผลดี+สม่ำเสมอ: KKP, LH, SIRI, TISCO

ปัจจัยบวก

  • ที่ประชุมบอร์ดกทพ. มีมติเห็นชอบยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ 67 เพื่ออำนวยความสะดวก และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน จำนวน 2 สายทาง ได้แก่ ทางพิเศษบูรพาวิถีจำนวน 20 ด่าน และทางพิเศษกาญจนาภิเษก จำนวน 30 ด่าน
  • การลงทุนผลิต EV ในไทยขยายตัวต่อเนื่อง โดย BOI ได้อนุมัติโครงการ EV ไปแล้ว 23 โครงการ และภายในปี 73 EV จะมีสัดส่วน 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดของไทย ทั้งนี้ปัจจุบันมีบริษัท EV จีนที่มีรายได้ระดับ TOP 10 ของจีนในปี 65 เข้ามาทำการตลาด หรือมีแผนเข้ามาลงทุน EV 6 ราย ขณะที่นายกฯ และรมว.คลังเตรียมดันมาตรการใหม่เสนอบอร์ด EV วันที่ 1 พ.ย. นี้

ปัจจัยลบ

  • กกพ.ย้ำต้นทุนค่าไฟงวดม.ค-เพ.ย.67 สูงกว่างวดปัจจุบันเบื้องต้น 5-10 สตางค์ โดยจับตากำลังผลิตก๊าซในอ่าวไทย ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ อีกทั้ง แนะประชาชนช่วยกันประหยัดหากรัฐไม่อุ้ม ค่าไฟทะลุ 4 บาท/หน่วย
  • สแตนชาร์ตเผยกำไรก่อนหักภาษีสำหรับ 3Q66 ที่ 633 ล้านดอลลาร์ ลดลงเกือบ 1 ใน 3 เนื่องจากได้รับผลกระทบเกือบ 1 พ้นล้านดอลลาร์จากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคอสังหาริมทรัพย์และธนาคารของจีน
  • เมอร์เซเดส-เบนซ์ เผยคาดการณ์ว่าผลตอบแทนจากการขายของแผนกรถยนต์ตลอดทั้งปีนี้จะแตะระดับต่ำสุดของกรอบคาดการณ์ของบริษัทที่ 12% – 14% หลังรายงานรายได้ที่ลดน้อยลงสำหรับ 3Q66 โดยส่วนหนึ่งถูกกดดันจากการส่งมอบรถยนต์ที่ลดลง

PICKS OF THE DAY

CK BUY
  • เป้าหมาย 22.30 / 22.70 แนวรับ 21.30
  • ประมูลโครงการใหม่ปีหน้า สอดคล้องกับค่าแรงที่จะปรับขึ้น: ทางฝ่ายคาดจะได้ประโยชน์จากงานที่ Pent-up ซึ่งจะช่วยให้ต้นทุนค่าแรงที่รัฐบาลจะปรับขึ้นนั้น มีโอกาสส่งผ่านไปยังโครงการใหม่ที่จะประมูลในปีหน้า นอกจากนี้ โครงการใหม่บนต้นทุนอัตราใหม่ จะช่วยถัวเฉลี่ย Backlog ที่มีอยู่เดิม 1.44 แสนล้านบาท และจะทำให้ GPM ฟื้นตัว
  • หวัง Land bridge หนุน Sentiment: ปัจจุบันโครงการเชื่อมท่าเรือระหว่างฝั่งอันดามันและอ่าวไทย ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณสูงถึง 1 ล้านล้านบาท อยู่ระหว่างที่ประชุม ครม.ศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หากมีความคืบหน้ามองเป็น Sentiment บวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

TCAP BUY

  • เป้าหมาย 49.00 / 51.00 แนวรับ 47.00
  • คาดกำไร 3Q66 จะโตตามบริษัทในเครือ: คาดว่ากำไรของ TCAP จะโตตามผลประกอบการของ TTB ที่ประกาศออกมาก่อนหน้าที่มีกำไร 4.7 พันลบ. เพิ่มขึ้น 27.5% y-y และ 3.7% q-q และ MBK ที่กำไรน่าจะเพิ่มขึ้นด้วยจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว กำไรของทั้ง 2 บริษัทมีสัดส่วนประมาณ 60% ของกำไรของ TCAP
  • ปันผลเด่น: คาดว่า TCAP จะจ่ายปันผลปี 66 – 67 จำนวน 3.65 บาท/หุ้น และ 4.35 บาท/หุ้น ตามลำดับ ซึ่งคิดเป็น Div. yield สูงถึง 7.6% และ 9.1% ตามลำดับ
- Advertisement -