บล.ฟิลลิป:
BEC 3Q66 คาดกำไรอ่อนลง q-q, y-y
ถือ TP’67 : U.R.
ภาพรวมใน 2H66 ไม่ดีอย่างที่เคยคาดไว้ เนื่องจากหลายปัจจัยที่เกิดขึ้นใหม่เข้ามากระทบทั้งสงครามและเหตุการณ์ยิงที่สยามพารากอน แม้จะได้รัฐบาลใหม่ แต่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังไม่ได้ชัดเจนหลายนโยบาย ทำให้ผู้ลงโฆษณาชะลอการใช้งบเพื่อรอดูสถาณการณ์ ทางฝ่ายจะพิจารณาปรับคาดการณ์กำไรและราคาพื้นฐานลง ยังคงแนะนำ “ถือ” โดยช่วงสั้นอาจชะลอการลงทุน เพราะยังไม่มีความปัจจัยสนับสนุนราคาหุ้น
- 3Q66 คาดกำไรลดลง q-q, y-y: 3Q66 จากเศรษฐกิจและการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า ทำให้การใช้เม็ดเงินโฆษณาชะลอตัวลง เพื่อรอดูสถานสการณ์และนโยบายของรัฐบาลใหม่ ทำให้อัตราการขายโฆษณาลดลงจาก 2Q66 ที่ 75.1% แต่ดีขึ้นจาก 3Q66 ที่ 68.9% คาดอยู่ที่ 72% ในขณะที่ราคาขายปรับตัวลงทั้ง q-q และ y-y คาดว่าอยู่ที่ 5.95 หมื่นบาท/นาที คาดรายได้จากโฆษณาลดลง q-q และ y-y เป็น 936 ลบ. รายได้ให้ใช้ลิขสิทธิ์โต q-q, y-y จากการขายลิขสิทธิ์ละครให้กับแพลตฟอร์ม OTT ได้หลายเรื่อง ประกอบกับละครมีเรตติ้งที่ดี ทำให้รายได้จาก digital สูงขึ้น คาดรายได้รวมลดลง 6.4% q-q และ 13.3% y-y เป็น 1,128 ลบ. ต้นทุนยังควบคุ้มได้ดี ลดลงตามรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นใกล้เคียงกับ 2Q66 ที่ 27.7% แต่ลดลงเล็กน้อย y-y ในขณะที่คาดว่า SG&A จะทรง ๆ ตัว q-q, y-y คาดกำไร 3Q66 อยู่ที่ 59 ลบ. -20.9% q-q และ -46.8% y-y
- 4Q66 ยังท้าท้ายจากหลายปัจจัย: สถานการณ์ใน 4Q66 ไม่ดีนัก จากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อ ซ้ำเติมด้วยสงครามระหว่างอิสราเอล-ฮามาสที่เกิดขึ้น และเหตุการณ์ยิงที่สยามพารากอน ส่งผลต่อการท่องเที่ยว ผู้ลงโฆษณายังชะลอการใช้งบ เพื่อรอดูสถานการณ์ แม้ใน 4Q66 มีละคร “พรหมลิขิต” ซึ่งมีเรตติ้งดีมาช่วยการขายโฆษณาและรายได้จากลิขสิทธิ์ แต่ช่วงเวลาอื่น ๆ อาจมีการลดการโฆษณาลง จึงไม่ส่งผลบวกมากนัก ซึ่ง 4Q66 จะมีการขายละคร 2 เรื่องให้กับ Prime Video ซึ่งเป็น First Window ของ BEC Studio และภาพยนตร์ “ธี่หยด” ซึ่งร่วมลงทุนกับ MAJOR เข้าฉาย 26 ต.ค. ซึ่งต้องติดตามถึงความสำเร็จ เพราะอาจมาช่วยงบโฆษณาได้บางส่วน