บล.บัวหลวง: 

Bangkok Chain Hospital (BCH TB / BCH.BK)

BCH – เคลียร์ประเด็นกังวล…

เราคาดกำไรหลักไตรมาส 3/66 ของ BCH อยู่ที่ 453 ล้านบาท พลิกกลับ YoY และเพิ่มขึ้น 30% QoQ ในไตรมาส 3/66 BCH ได้ชำระคืนเงินกู้ลาวจำนวน 480 ล้านบาท เพื่อลดผลกระทบจากเงินกีบที่อ่อนค่าลง ดังนั้นเราจึงปรับเพิ่มกำไรหลักในปี 2566-2567 ขึ้น 9% และ 15% เพื่อสะท้อนช่วงไฮซีซั่นที่ดีและลดความเสี่ยงจากค่าเงิน นอกจากนี้เรายังเห็นกระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้น 5-7% สำหรับกำไรหลักในปี 2566-67 ของ BCH

คาดกำไรหลักไตรมาส 3/66 อยู่ในโหมดฟื้นตัว! กำไรเพิ่มขึ้นจากโรงพยาบาลใหม่

เราคาดกำไรหลักไตรมาส 3/66 ของ BCH อยู่ที่ 453 ล้านบาท พลิกกลับจากขาดทุนหลัก 403 ล้านบาทในไตรมาส 3/65 (ขาดทุนอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากการหมดสต๊อกวัคซีน Moderna ป้องกันโควิด) และเพิ่มขึ้น 30% QoQ สอดคล้องกับช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 3/66 ปัจจัยขับเคลื่อนหลักคือจำนวนผู้ป่วยที่แข็งแกร่ง (OPD และ IPD) ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และอัตราการจ่ายเงินของสำนักงานประกันสังคม (SSO) ที่สูงขึ้น ผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลใหม่ 3 แห่ง (เกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล อรัญประเทศ, เกษมราษฎร์ปราจีนบุรี, และ เกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลเวียงจันทน์] ยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 3/66 จาก EBITDA (ไม่รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน) ที่ 18 ล้านบาทในไตรมาส 2/66 เทียบกับ EBITDA ที่ขาดทุน 8 ล้านบาทในไตรมาส 1/66 เราคาดว่าการดำเนินงานของโรงพยาบาลใหม่จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และตั้งเป้าว่าโรงพยาบาลทั้งสามแห่งจะทำกำไรได้ภายในปี 2568-69 (เกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลเวียงจันทน์จะเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกที่ทำกำไรได้ในปี 2567)

คลายความกังวลจากขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ที่เกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลเวียงจันทน์

BCH ได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลเวียงจันทน์ที่ 200 ล้านบาทในปี 2565 และ 79 ล้านบาทในครึ่งแรกของปี 2566 เนื่องจากค่าเงินกีบต่อบาทอ่อนค่าลง 6% QoQ ในไตรมาส 2/66 และลดลงอีก 4% QoQ ในไตรมาส 3/66 แต่ในไตรมาส 3/66 BCH ได้ชำระคืนเงินกู้ยืมจำนวน 480 ล้านบาทในรูปเงินบาททั้งหมดแล้วในเดือนต.ค. 2566 ดังนั้นตั้งแต่ไตรมาส 4/66 เป็นต้นไป BCH จะลดผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนลง

โมเมนตัมเชิงบวกจะยังคงมีอยู่ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 4/66

หลังจากที่ BCH เพิ่มทุนในบริษัทย่อยในประเทศลาวเพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เรามองว่าการดำเนินงานในไตรมาส 4/66 ของ BCH จะปรับตัวต่อเนื่อง QoQ เนื่องจาก BCH ได้บันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 16 ล้านบาทในไตรมาส 1/66 และ 63 ล้านบาทในไตรมาส 2/66 ไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหาร ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการบริหารในไตรมาส 4/66 จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญและจะหนุนอัตรากำไรสุทธิให้ปรับตัวดีขึ้น ปัจจัยหนุนหลัก ได้แก่ 1) การแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องของผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ ไช้เลือดออก และไวรัสชิกา 2) ศักยภาพที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่ใช่ชาวไทย (ผู้ป่วยใน CLMV และฝั่งตะวันออกกลาง) และ 3) ความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งขึ้นจากทั้งประกันสังคม (การปรับอัตราค่าบริการพื้นฐานของประกันสังคม) และผู้ป่วยเคสรุนแรงที่เพิ่มขึ้น

เราปรับเพิ่มตัวเลขทั้งหมดและอาจมีอัพไซด์ต่อประมาณการตลาด

เราปรับเพิ่มกำไรหลักในปี 2566 และ 2567 ขึ้น 9% และ 15% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนช่วงไฮซีซั่นที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3/66 และการลดความเสี่ยงจากค่าเงิน เราปรับราคาเป้าหมายไปเป็น ณ สิ้นปี 2567 โดยปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 22.5 บาท นอกจากนี้ อาจมีอัพไซด์ต่อประมาณการตลาดที่ 5-7% ในปี 2566 และ 2567 เราแนะนำ “ซื้อ” อิงจากโมเมนตัมกำไรที่แข็งแกร่ง เพิ่มขึ้น QoQ ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 4/66 และสูงกว่าประมาณการตลาด หุ้นซื้อขายที่ PER ปี 2567 ที่ 26.8 เท่า ต่ำกว่า PER เฉลี่ยระยะยาวที่ 29.7 เท่า

- Advertisement -