แนวโน้มผลประกอบการ 3Q64 และ 4Q64 จะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตามเม็ดเงินโฆษณาที่จะเร่ิมกลับมาหลังภาครัฐผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์
Fundamental View
- PLANB มีรายได้จากการดำเนินงาน ใน 2Q64 จำนวน 1,097 ล้านบาท เพิ่มข้ึน 66.4% YoY จากฐานท่ีต่ำใน 2Q63 โดยรายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัย จำนวน 783 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78.3% YoY จากการรับรู้รายได้ของ MACO และ รายได้สื่อโฆษณาในห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อท่ีเพิ่มขึ้น แต่ สื่อโฆษณาในสนามบินยังอ่อนตัว เนื่องจากข้อจำกัดการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ, รายได้จากธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วม จำนวน 314 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.0% YoY เพิ่มขึ้นจากการรับรู้รายได้สิทธิในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ประมาณ 195 ล้านบาท
- PLANB รายงาน 2Q64 มีผลขาดทุนจำนวน 71 ล้านบาท จากอัตราการทำกำไรขั้นต้นที่ลดลง QoQ เนื่องจากค่าเสื่อมราคาของ MACO และป้ายโฆษณาดิจิตอลในร้าน 7-11 จำนวน 1,150 สาขา ประกอบกับบริษัทมีการบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษ คือ ค่าเผื่อการด้อยค่าสินทรัพย์ของสื่อโฆษณาจากผลกระทบของ COVID-19 ประมาณ 29 ล้านบาท ซึ่งหากไม่รวมผลจากค่าใช้จ่ายพิเศษน้ี บริษัทจะมีกำไรสุทธิ จำนวน 5 ล้านบาท
- สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 รอบ 3 ในช่วง 2Q64 ส่งผลให้ภาครัฐออกมาตรการล็อคดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่กระจายโรคระบาดของภาครัฐ ท้ังการทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) ส่งผลกระทบในแง่ลบกับกลุ่มอุตสาหกรรมโฆษณานอกที่พักอาศัยค่อนข้างมาก ทำให้แบรนด์สินค้าต่างๆชะลอการซื้อโฆษณา ส่งผลให้เม็ดเงินโฆษณาลดลง แต่เรามองผลประกอบการ 3Q64 และ 4Q64 จะเร่ิมฟื้นตัวตามการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ ซึ่งจะทำให้เม็ดเงินโฆษณาเริ่มกลับมา โดยเรายังคงประมาณการเดิมของกำไรสุทธิปี 64 ท่ี 226 ล้านบาท
- บริษัทมีแผนการลงทุนใน ปี 2564 อยู่ที่ประมาณ 700-1,000 ล้านบาท โดยวางแผนขยายสื่อโฆษณาในร้านค้าสะดวกซื้อ 7-Eleven จำนวน 2,000 สาขา ให้เสร็จภายในส้ินปี 64
“เราประเมินประมาณการกำไรสุทธิปี 64 และ 65 จะเติบโต 58.5% และ 26.7% YoY ที่ 226 และ 286 ล้านบาท ตามลำดับ เราประเมินมูลค่าพื้นฐานไว้ท่ี 8.00 บาท ด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด WACC ท่ี 8.6% และ Terminal Growth ท่ี 3% แนะนำซื้อ”