KS Daily View 30.10.2023 >>> เริ่มเห็นสัญญาณบวก จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,355-1,425 จุด หุ้นแนะนำ DELTA

สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้

ต่างประเทศ : ดัชนี DJIA -1.12%, S&P 500 -0.48%, NASDAQ +0.38%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Consumer discretionary (+1.70%), IT (+0.58%), Communication services (+0.10%) ส่วน Sector ที่ Underperform ได้แก่ Energy (-2.30%), Financials (-1.86%), Utilities (-1.80%) เป็นต้น

ในประเทศ: SET Index +17.01 จุด หรือ +1.24% ปิดที่ 1,388.23 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ TQM (+2.00%), KCE (+5.61%), DELTA (+5.54%), SABUY (+4.95%) เป็นต้น ส่วนที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ MEGA (-3.47%), PSL (-3.37%), BDMS (-1.87%), DOHOME (-1.80%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

ประเมินตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบ 1,355 – 1,425 จุด ในสัปดาห์นี้โดยปัจจัยที่กำหนดการเคลื่อนไหวของตลาดยังคงเป็นสถานการณ์สงครามซึ่งยังคงจำกัดวงสะท้อนผ่านราคาน้ำมันดิบเบรนท์เช้านี้ปรับลดลง -1.2% DoD เป็น US$89.39/bbl แม้อิสราเอลเริ่มบุกภาคพื้นดินในกาซา ขณะที่ทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีทั้งของสหรัฐฯ และไทยจะเป็นตัวกำหนดกรอบการเคลื่อนไหวของตลาดสัปดาห์นี้ เนื่องจากจะมีการเปิดเผยแผนออกพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐฯ รายไตรมาส, ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในภาคแรงงานของสหรัฐฯ รวมถึงการประชุมของเฟด, BOE, และ BOJ

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) ติดตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีทั้งของสหรัฐฯ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามได้แก่ 1.1) คืนวันอังคารจะมีการเปิดเผยแผนออกพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐฯ รายไตรมาส โดยตลาดคาดว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะปรับเพิ่มขึ้นการออกพันธบัตรระยะยาวอายุมากกว่า 2 ปีเป็น US$114bn เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ US$103bn ในรอบเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา 1.2.) การประชุม FOMC ในคืนวันพุธ ซึ่งตลาดยังคงมุมมองว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยในรอบนี้จาก Bond yield ที่ปรับขึ้นมากทำให้เฟดไม่จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อ 1.3.) การประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ซึ่งตลาดคาดว่าจะอ่อนตัว MoM

2.) ติดตามดีลควบรวม AIS-3BB โดยการประชุมบอร์ด กสทช.ล่าสุด (26 ต.ค. 2566) มีมติว่าจะมีการประชุมวาระพิเศษเพื่อพิจารณาดีลนี้โดยเฉพาะ ให้สรุปจบภายในวันที่ 10 พ.ย.นี้ ว่าจะอนุญาตหรือไม่ โดยแหล่งข่าว กสทช. เปิดเผยว่าคงเป็นการอนุญาตแบบมีเงื่อนไข ตามรายงานข่าวของประชาชาติธูรกิจ
3.) ติดตามยอดจองโครงการ วันเวลา ณ เจ้าพระยา ของ LH มูลค่าโครงการ 1.5 หมื่นลบ. ซึ่งหากมีการตอบรับดีจะเป็น sentiment บวกกับ LH รวมถึงกลุ่มอสังหาฯที่ 4Q23 นี้จะมีการเปิดตัวโครงการจำนวนมากกว่าแสนล้านบาทตามรายงานของประชาชาติธุรกิจ ได้แก่ SIRI มีแผนเปิดตัวที่ 22 โครงการ 3.6 หมื่นลบ.; ORI เปิดตัว 12 โครงการ 1.5 หมื่นลบ.; AP 11 โครงการ 1.1 หมื่นลบ.; LH 9 โครงการ มูลค่า 4.5 หมื่นลบ.; และ SC 6 โครงการ 1.07 หมื่นลบ.

4.) ติดตาม ANAN กรณีคดีแอชตันอโศก อาจมีทางออกใช้กฎหมายแก้กฎหมาย โดยออกกฎหมายที่มีศักดิ์เท่ากัน คือออกเป็นพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ของการเวนคืนที่ดิน เพื่อเปิดให้ รฟม.สามารถอนุญาตผ่านทางได้ ซึ่งคุณสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงนามคำสั่งตั้งคณะทำงาน 9 คน เมื่อวันที่ 24 ต.ค. เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ นวค. กลุ่มอสังหาของทาง KS ให้ความเห็นว่าหากปัญหาดังกล่าวคลี่คลาย แม้เราคาดจะเห็นผลขาดทุนจากผลประกอบการในไตรมาส 3-4/2566 บนการลดราคาขายของหน่วยพร้อมขายจำนวนมากเพื่อแลกกับสภาพคล่อง แต่เราเห็นโอกาส retating ในเชิง PBV (หลังประเด็น แอชตัน อโศก ทำให้เกิดการ derating อย่างมีนัย) จะมี impact ต่อราคาหุ้นมากกว่า แม้ปัจจุบันเรายังคงคำแนะนำ ถือ ที่ราคาเป้าหมาย 0.8 บาท แต่บนสมมุติฐานการ rerate กลับขึ้นไปซื้อขายที่ PBV เฉลี่ยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาที่ 0.37x ราคาหุ้นจะปรับขึ้นไปในระดับ 1.1 บาท (บนสมมุติฐาน BV ปี 2566 ที่ 2.95 บาท)

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,355 – 1,425 จุด โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ 1.) ผลการประชุมเฟด (คืนวันที่ 1 พ.ย.) ว่าจะเป็น การคงดอกเบี้ยต่อ หรือ ปรับขึ้น 25bps. 2.) ทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และค่าเงิน USD ซึ่งจะเป็นตัวสะท้อนทิศทาง Fund flow 3.) ทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศ ซึ่งมีโอกาสที่จะลดลงหากรัฐบาลปรับลดวงเงินโครงการดิจิตอลวอลเล็ต ทำให้อุปทานพันธบัตรในอนาคตลดลง 4.) สถานการณ์สงครามอิสราเอล-ฮามาส 5.) ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญได้แก่ การจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตเดือน ต.ค ของสหรัฐฯ รวมถึงผลการประชุมของ BOJ และ BOE และ 6.) การประกาศกำไร 3Q23 ของบริษัทจดทะเบียน

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

DELTA (ราคาพื้นฐาน 100 บาท) DELTA ประกาศกําไรปกติไตรมาส 3 ที่ 5.05 พันลบ. เป็น record high สูงกว่าประมาณการของเรา 5% หลักๆมาจากรายได้ที่โตแรงกว่าคาด จากยอดขายฝั่ง EV

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันจันทร์ติดตามตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคเบื้องต้นของเยอรมัน (Consumer Price Index – CPI)สำหรับเดือนต.ค. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 4.0% YoY ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 4.5% YoY
  • วันอังคารติดตามประกาศตัวเลขอัตราการว่างงานของญี่ปุ่นสำหรับเดือน ก.ย. ตลาดคาดจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือยก่อนหน้าที่ 2.7% และติดตามการประชุมธนาคารกลางของญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งตลาดมองว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ -0.1% รวมถึงมาตรการทางการเงินอื่นๆ ต่อด้วยมีกำหนดประกาศตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของจีนสำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 50.5 จุด เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 50.3 จุด ตอนบ่ายติดตามตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคเบื้องต้นของยุโรป (Consumer Price Index – CPI) สำหรับเดือนต.ค. ตลาดคาดเพิ่มขึ้นที่ 3.1% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 4.3% YoY และช่วงข้ามคืนติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ (CB consumer confidence) สำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 100 จุดลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 103 จุด
  • วันพุธติดตามตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ (ADP) เดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 65k เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 89k และตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯสำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดทรงตัวเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 49 จุด ต่อด้วยตัวเลขงานเปิดใหม่ของสหรัฐฯ (JOLTS Job openings) เดือน ก.ย. ตลาดคาดที่ 9.2 ล้าน
    ตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 9.61 ล้านตำแหน่ง ปิดท้ายช่วงข้ามคืนรอติดตามผลการประชมุ FOMC ตลาดคาด Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 5.50%
  • วันพฤหัสบดีติดตาม ตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของยุโรปสำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 43.0 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 43.4 จุด ต่อด้วยติดตามผลการประชุมธนาคารกลางของอังกฤษ (BOE) ตลาดคาดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 5.25%
  • วันศุกร์ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ (nonfarm payrolls) สำหรับเดือน ต.ค.ตลาดคาดที่ 143k ตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 263k ตำแหน่ง และตัวเลขค่าจ้างแรงงานของสหรัฐฯ (Average hourly earnings) สำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดเพิ่มขนึ้ 4.2% YoY ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และปิดท้ายด้วยตัวเลขดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯสำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 53.6 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 53.7 จุด
- Advertisement -