บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Starflex (SFLEX.BK/SFLEX TB)
Earnings momentum ยังเป็นบวกต่อเนื่อง
Event
คาดการณ์ผลการดำเนินงาน 3Q66 ปรับปรุงประมาณการฯ และปรับไปใช้เป้าหมายปี 2567
Impact
Earnings momentum ยังดีต่อเนื่อง คาดกำไร 3Q66 ยังโตเด่น YoY
เราคาดกำไร 3Q66 = 43.2 ล้านบาท (+771% YoY, -14.3% QoQ) โดยคาดอัตรากำไรขั้นต้นยังยืนที่ระดับสูง 24% ฟื้นตัวขึ้นจาก 10.85% ใน 3Q22 แต่ลดลงเล็กน้อยจาก 24.9% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่ยังสูงมาจาก i) กลยุทธ์การจัดหาวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพ และ ii) ผลจากอุปทานปิโตรเคมีที่ยังล้นตลาด ขณะที่เราใช้สมมติฐานแบบอนุรักษ์นิยม คาดอัตรากำไรขั้นต้นจะชะลอตัวลงเล็กนอย QoQ เนื่องจากผลของระบบ Cost-plus
การรับรู้รายได้โครงการ JV เลื่อนไปเป็นเดือน ธ.ค. ไม่ได้กระทบปัจจัยพื้นฐานอย่างมีนัยสำคัญ
ประมาณการฯ 3Q66 ของเรายังไม่ได้รวมส่วนแบ่งกำไรจากการ JV กับทาง SCGP* โดยโครงการ JV นี้ ทาง SFLEX และ SCGP* จะร่วมกันเข้าซื้อหุ้นบริษัท Star Print Vietnam Joint Stock Company (SPV) ซึ่งเป็นธุรกิจผลิตกล่องกระดาษที่เวียดนาม ล่าสุดการรับรู้รายได้ JV จะถูกเลื่อนไปเป็นราวเดือน ธ.ค.นี้ จากความล่าช้าทางด้านเอกสารของรัฐบาลเวียดนาม ผลจากความล่าช้าดังกล่าวเราจึงปรับลดสมมติฐานการรับรู้ส่วนแบ่งรายได้จากโครงการ JV สำหรับปี 2566 ลงเป็น 2.5 ล้านบาท (จาก 11.7 ล้านบาท) ขณะที่ยังคงประมาณการฯส่วนแบ่งรายได้จากโรงการ JV ในปี 2567 – 68 ไว้ตามเดิม 37 ล้านบาท และ 39 ล้านบาท ตามลำดับ
ปรับปรุงประมาณฯ
เราทำการปรับปรุงประมาณการฯ ตามข้อมูลปัจจุบัน โดยแม่ว่าส่วนแบ่งรายได้จากโครงการ JV จะล่าช้า แต่กำไรปกติ 9M66 จะดีกว่าที่คาดไว้เดิม (หากประมาณการฯ 3Q66 เป็นไปตามคาด) เราจึงยังคงประมาณการฯกำไรปี 2566 ไว้ตามเดิมที่ 182 ล้านบาท แต่ทำการปรับลดประมาณการฯปี 2567 ลง -6.7% เป็น 214.5 ล้านบาท โดยคำนึงถึงความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งอาจกระทบต่อภาคการบริโภค และการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก
Valuation & action
ราคาหุ้น SFLEX ปรับลดลง Underperform ตลาดฯ แม้จะรายงานผลการดำเนินงาน 2Q66 ที่โดดเด่นดีกว่าคาดก็ตาม เนื่องจากมีปัจจัยลบภายนอกที่กระทบต่อ Sentiment การลงทุน อาทิ i) ราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นแรง จากผลของความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และ ii) ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า (มีผลต่อต้นทุนการนำเข้าเม็ดพลาสติก) อย่างไรก็ดีเราประเมินผลสุทธิของปัจจัยลบต่างๆ ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานไม่มาก โดยประเด็นแรก อุปทานปิโตรเคมีที่ล้นตลาดใน 2H66 – 2567 ทำให้ราคาเม็ดพลาสติกไม่ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบมากนัก และผลจากกลยุทธ์การจัดหาวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินไว้ ทำให้ต้นทุนการผลิตของ SFLEX แทบไม่ได้ปรับขึ้น ดังที่ตลาดฯกังวล ดังนั้นจึงเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นที่ Valuation ไม่แพง Forward PE ต่ำเพียง 14.8 เท่า หรือ -1.25 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับราคาเป้าหมายไปใช้เป็นเป้าปีหน้าที่ 6.0 บาท (เดิม 6.8 บาท) โดยปรับลดเป้าหมาย PE ลงเป็น 23 เท่า หรือ -0.75 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต เนื่องจากบรรยากาศการลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงที่แย่กว่าเดิม ทั้งนี้ราคาเป้าหมายดังกล่าวยัง
ต่ำกว่าเป้าพื้นฐานที่คำนวณด้วยวิธี DCF ได้ที่ 6.3 บาท
Risks
ความผันผวนของต้นทุนปิโตรเคมี และภาวะเศรษฐกิจ