บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:
Namwiwat Medical Corporation (NAM) IPO
ผู้นำเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์เกี่ยวกับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ
ประเด็นการลงทุน : NAM ผู้นำเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์เกี่ยวกับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ และให้บริการแบบครบวงจร ผลประกอบการมีแนวโน้มจะเติบโตสูง เราประเมินกำไรปี 2566-68 จะเติบโตเฉลี่ย 28%CAGR เราประเมินราคาเหมาะสมได้เท่ากับ 9.8 บาท บนฐาน P/E เท่ากับ 23 เท่า สูงกว่า P/E หมวดธุรกิจ ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ 20 เท่าเล็กน้อย จากมีศักยภาพในการเติบโตดีกว่าที่ราคาจองซื้อ 7.7 บาท จะซื้อขาย P/E 18.1 เท่า P/BV2.4 เท่า และมีอัตราเงินปันผลตอบแทน 2.5% ในปี 2567
ผู้นำเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ในการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ
NAM ประกอบธุรกิจ ผลิต นำเข้า และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงผลิตภัณฑ์สิ้นเปลืองทางการแพทย์ และให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้องแบบครบวงจร โดยมีครอบครัวชัยเทอดเกียรติเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นหลัก 59.14% และ บริษัท อินโนบิก แอลแอลโฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม บมจ. ปตท. หรือ PTT เข้าร่วมถือหุ้น 15.0% ในปี 2565 มูลค่าลงทุน 780 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 7.43 บาทต่อหุ้น (หลังการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้เป็น 0.50 บาท/หุ้น) จะทำให้เกิด Synergy ร่วมกันและสร้างการเติบโต ธุรกิจในอนาคต
เสนอขาย IPO 181 ล้านหุ้น
NAM ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 297.5 ล้านบาท (595 ล้านหุ้น) ราคาพาร์ 0.50 บาทเป็น 350 ล้านบาท (700 ล้านหุ้น) โดยออกหุ้นใหม่ 105 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 15% ของหุ้นที่ออกและเสนอขายได้แล้วหลัง IPO และจากผู้ถือหุ้นเดิม 76 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 10.86% ของหุ้นที่ออกและเสนอขายได้แล้วหลัง IPO รวม 181 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขาย IPO ต่อประชาชนทั่วไป โดยเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนจะใช้เป็นเงินทุนสำหรับขยายการลงทุนในโครงการต่างๆ
แนวโน้มผลประกอบการจะเติบโต
NAM มีศักยภาพที่จะเติบโตสูงในอนาคต โดยมีจุดเด่น คือ 1) เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญ และ ประสุบการณ์มาอย่างนานร่วม 53 ปี 2) มีทีมงานวิจัย คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง 3) อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และสินค้าของ NAM มีลักษณะเฉพาะ (Niche) แนวโน้มปี 2566 – 2567 เราประเมินรายได้จะเติบโตเฉลี่ย 20%CAGR เท่ากับการเติบโตเฉลี่ยในปี 2563- 2565 สู่ระดับ 1,878 ล้านบาท และคาดกำไรจะเติบโตเฉลี่ย 28%CAGR สู่ระดับ 372 ล้านบาท