บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)

Amanah Leasing (AMANAH) คาดขาดทุนรถยึดเร่งตัวขึ้น ขณะที่สินเชื่อใหม่โตได้จำกัด

Action TRADING (Maintain)

  • TP upside (downside) +5.3%
  • Close Oct 31, 2023 Price (THB) 1.99
  • 12M Target (THB) 2.10
  • Previous Target (THB) 2.86

What’s new?

  • คาด AMANAH จะมีกำไรสุทธิ 3Q66 จำนวน 34 ลบ. ลดลง 45.1%YoY และทรงตัว QoQ โดยแม้การตั้งสำรองคาดลดลงหลังตั้งสำรองไปล่วงหน้าใน 2Q66 แต่ยังมีปัจจัยกดดันจากรายได้ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่ขยายตัวได้ช้า และผลขาดทุนจากการขายรถยึดที่จะเพิ่มขึ้น
  • ปรับลดประมาณการสะท้อนแนวโน้มกำไรสุทธิ 2H66 ที่ยังไม่สดใส ภายใต้ประมาณการใหม่ คาด AMANAH จะมีกำไรสุทธิ 148 ลบ. ลดลง 52.1%YoY ก่อนที่จะกลับมาโต 43.1%YoY ในปี 2567

Our view

  • ช่วงสั้น AMANAH ยังมีแรงกดดันจากผลดำเนินงานที่ลดลงมากจากปีก่อน และคาดยังต้องใช้เวลาอีก 1-2 ไตรมาสเพื่อปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ ซึ่งระหว่างนี้บริษัทจะคงนโยบายปล่อยสินเชื่อใหม่แบบระมัดระวังทำให้การเพิ่มขึ้นของสินเชื่อไม่น่าสนใจเมื่อเทียบกับคู่แข่ง นอกจากนี้เราได้ปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2567 ที่ 2.10 บาท (มีการปรับลดสมุมุติฐาน Sustainable ROE ลงจาก 12.4% เหลือ 11% เพื่อสะท้อนความเสี่ยงจากการตั้งสำรองและผลขาดทุนจากการขายรถยึดที่ยังสูง) ซึ่งราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside ค่อนข้างจำกัด แต่ยังมี Div. Yield ราว 4.3% เรา จึงคงคำแนะนำ “TRADING”

คาดกำไรสุทธิ 3Q66 จะทรงตัว QoQ หลังผลขาดทุนรถยึดเพิ่มขึ้น

เราคาด AMANAH จะมีกำไรสุทธิ 3Q66 จำนวน 34 ลบ. ลดลง 45.1%YoY และทรงตัว QoQ โดยแม้เราคาดการตั้งสำรองจะลดลง 10.4%QoQ หลังเร่ง Wite Off ลูกหนี้กลุ่มเสี่ยงไปมาก และมีการตั้งสำรองสำหรับลูกหนี้ที่ตกชั้นเป็น Stage 2 ตั้งแต่ 2Q66 แต่ปัจจัยบวกดังกล่าวยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยประเด็นลบจาก 1) รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่ปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย 1.2%QoQ หลังบริษัทเพิ่มความระมัดระวังในการคัดกรองการให้สินเชื่อใหม่มากขึ้นเพื่อปรับคุณภาพสินทรัพย์ในพอร์ต ส่งผลให้การขยายสินเชื่อค่อนข้างจำกัด ส่วน NIM เราคาดทรงตัวที่ 16.0% เนื่องจากบริษัทยังควบคุมการเพิ่มขึ้นของต้นทุนทางการเงินได้ดี 2) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยคาดลดลง 2.8%QoQ เนื่องจากค่าธรรมเนียมที่ลดลงตามการขยายตัวของสินเชื่อที่น้อยลง และคาดรายได้จากการดำเนินคดีกับลูกหนี้ในอดีตจะไม่มากเท่ากับ 2Q66 และ 3) คาดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงขึ้น 9.2%QoQ หลักๆ เป็นผลจากค่าใช้จ่ายในการติดตามหนี้ที่สูงขึ้น และคาดจะมีผลขาดทุนจากการขายรถยึดเพิ่มขึ้น หลังปริมาณรถยึดในลานประมูลเพิ่มขึ้นมากจนทำให้ราคาขายลดลง

ปรับลดประมาณการกำไร สะท้อนผลดำเนินงานที่ยังไม่สดใส

หากเป็นไปตามคาด กำไรสุทธิ 9M66 จะคิดเป็นเพียง 58% ของประมาณการเดิมซึ่งต่ำเกินไป เนื่องจากมีแรงกดดันจากรายได้ดอกเบี้ยที่โตได้ช้า และผลขาดทุนรถยึดที่กดดัน นอกจากนี้เราคาดการตั้งสำรองของ AMANAH ยังทรงตัวในระดับที่สูง เพื่อรองรับความเสี่ยงจากความสามารถในการชำระคืนหนี้ของลูกหนี้ที่ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นเพื่อยืดหลักอนุรักษ์นิยม เราจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิของ AMANAH ใน ปี 2566/67 ลง 21.9%/26.5% โดยภายใต้ประมาณการใหม่คาดกำไรสุทธิใน 4Q66 จะลดลงแรง YoY แต่ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย QoQ หลังการตั้งสำรองเริ่มผ่อนคลายลง หนุนให้เราคาดทั้งปี 2566 AMANAH จะมีกำไรสุทธิ 148 ลบ. ลดลง 52.1%YoY ก่อนที่จะเริ่มฟื้นตัวราว 43.1%YoY ในปี 2567

ช่วงสั้นผลดำเนินงานยังกดดันราคาหุ้น คงคำแนะนำเพียง “TRADING”

ช่วงสั้น AMANAH ยังมีแรงกดดันจากผลดำเนินงานที่ลดลงมากจากปีก่อน และคาดยังต้องใช้เวลาอีก 1-2 ไตรมาสเพื่อปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ให้แข็งแรงขึ้น ซึ่งระหว่างนี้บริษัทจะคงนโยบายปล่อยสินเชื่อใหม่แบบระมัดระวัง ทำให้การเพิ่มขึ้นของสินเชื่อไม่น่าสนใจเมื่อเทียบกับคู่แข่ง นอกจากนี้เราได้ปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2567 ที่ 2.10 บาท (มีการปรับลดสมมุติฐาน Sustainable ROE ลงจาก 12.4% เหลือ 11% เพื่อสะท้อนความเสี่ยงจากการตั้งสำรอง และผลขาดทุนจากการขายรถยึดที่ยังสูง) ซึ่งราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside ค่อนข้างจำกัด แต่ยังมี Div. Yield ราว 4.3% เราจึงคงคำแนะนำ “TRADING”

- Advertisement -