บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Bangkok Chain Hospital (BCH.BK/BCH TB)*
ประมาณการ 3Q66F: ดีขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
Event
ประมาณการ 3Q66 และขยับไปใช้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567
lmpact
คาดว่ากำไรใน 3Q66F จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทั้ง YoY และ QoQ
เราคาดว่าผลประกอบการของ BCH ใน 3Q66F จะออกมาน่าพอใจ โดยมีกำไรสุทธิ 406 ล้านบาท (ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ YoY, +42.9% QoQ) คิดเป็น 28.6% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา โดยผลประกอบการ 3Q66F จะสะท้อนถึงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจาก i) SSO ปรับขึ้นอัตราเหมาจ่ายรายหัว 10.2% ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ii) รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการส่งต่อผู้ป่วยจากเมียนมาร์และตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น iii) ไม่มีการ write-off วัคซีน Moderna เหมือนกับที่เกิดขึ้นใน 3Q65 อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการใน 3Q66F จะถูกฉุดโดยผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากโรงพยาบาลในเวียงจันท์ (ประมาณ 60 ล้านบาท ซึ่งจะบันทึกในรายการค่าใช้จ่าย SG&A ใน 3Q66F) ทั้งนี้ เราคาดว่าผลประกอบการใน 3Q66F ของ BCH จะดีขึ้นอย่างมาก YoY จากฐานที่ต่ำเป็นพิเศษใน 3Q65 ซึ่งขาดทุนสุทธิ 403 ล้านบาทจากการ write-off วัคซีน Moderna เราคาดว่ารายได้ใน 3Q66F จะอยู่ที่ 3.46 พันล้านบาท (+1.0% YoY, +21.6% QoQ) ในขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 32.0% จาก -2.6% ใน 3Q65 และ 30.2% ใน 2Q66 สำหรับในงวด 9M66F เราคาดว่ากำไรสุทธิจะคิดเป็น 66.5% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา
คาดว่ากำไรใน 4Q66F จะยังคงแข็งแกร่ง
หลังจากที่การเพิ่มทุนของบริษัทย่อยผ่าน Kasemrad International Hospital Vientiane ดำเนินการเสร็จเรียบร้อย ทำให้ไม่ต้องรับผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินกีบอีกตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 ซึ่งเราคิดว่าจะทำให้บริษัทย่อยแห่งนี้มีแนวโน้มเป็นบวกจากสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น และการชำระคืนหนี้ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยกำจัดผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยตั้งแต่ 4Q66 เป็นต้นไป
ผลประกอบการมีแนวโน้มสดใสขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่ออิงตามประมาณการ 3Q66F เราคิดว่าประมาณการเดิมของเราสอดคล้องกับมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการที่คาดว่าจะแข็งแกร่งขึ้นใน 2H66 ของเรา ซึ่งนอกจากการ write-off วัคซีน Moderna ใน 3Q65 แล้ว เราคิดว่าผลประกอบการจะยังได้แรงสนับสนุนจาก i) การเข้าสู่ช่วง peak ตามฤดูกาลใน 3Q ii) กลุ่มผู้ป่วยต่างชาติมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น (ได้แก่ ผู้ป่วยจากกลุ่ม CLMV และตะวันออกกลาง) และ iii) อัตรากำไรแข็งแกร่งขึ้นจากทั้งกลุ่ม SSO (รับรู้การปรับอัตราเหมาจ่ายรายหัวใหม่ของ SSO เต็มไตรมาส) และผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาโรคทั่วไปมี intensity สูงขึ้น
Valuation & Action
เรายังคงคำแนะนำซื้อ โดยขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย DCF สิ้นปี 2567 ที่ 24.00 บาท (ใช้ WACC ที่ 7.5%
และ TG ที่ 3.0%) จากเดิมที่ใช้ราคาเป้าหมายกลางปี 2567 ที่ 23.50 บาท
Risks
COVID-19 ระบาด, ปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองของไทยรอบใหม่, และเกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่